Sunday, February 12, 2012

เกร็ดภาษาน่ารู้(Language Tips) : Are you driving? กับ Do you drive?

เกร็ดภาษาน่ารู้(Language Tips) : พูดถึงอะไร drive drive แล้วก็เอาให้มันจบไปเลยทีเดียวดีกว่า ...

นอกจาก Can you drive? แล้วยังมี Are you driving? กับ Do you drive? ด้วยนะเออ

เวลาเราโทรศัพท์หาใคร แล้วอยากจะรู้ว่้าเค้าขับรถอยู่รึเปล่า ถามว่า "Are you driving?" ถ้าเค้าตอบว่า "Yes, I am." เราก็ควรจะวางสายซะ แล้วค่อยโทรกลับไปใหม่ ก่อนวางสายก็บอกเค้าไปด้วยว่า "I'll call you back later." (เดี๋ยวโทรกลับไปใหม่นะ) ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนนอ่ะสิ แต่ถ้ามีหูฟังเสียบคุยก็อีกเรื่องนึง แต่ทางที่ดี ขับรถนี่พยายามอย่าคุยเลยโทรศัพท์อ่ะ เสียสมาธินะจ้ะ~

สมมุติว่าไปเรียนต่างประเทศหรือไปทำงานต่างประเทศ แล้วไปเจอเพื่อนใหม่ที่โรงเรียนหรือที่ทำงาน แล้วเค้าถามว่า "Do you drive?" นั่นคือเค้าถามว่าเราอ่ะขับรถรึเปล่า หมายถึงว่ามาอยู่ที่นี่ มีรถขับกับเค้ารึเปล่า ถ้ามีก็ตอบ "Yes, I do." ถ้าไม่มีก็ตอบ "No, I don't." ~

***ถ้าเค้าถามต่อ (แบบว่าอยากรู้เรื่องชาวบ้าน) Why not? ทำไมไม่ขับอ้ะ
Because I don't have a car. ก็เพราะว่าชั้นไม่มีรถขับอ่ะสิ
Because I can't drive. ก็เพราะว่าชั้นขับรถไม่เป็นหน่ะสิ

จบข่าวแบบ drive drive ไว้เพียงเท่านี้~ ^^

ติดตาม "เกร็ดภาษาน่ารู้ (Language Tips)" ได้ที่

Friday, February 10, 2012

คุณขอมา (Requested Topic) : 12 Reading (Page 69)

คุณขอมา (Requested Topic) : มาจากน้อง "โฮโมเซเปียนส์ แซ่ฮั้ว" เขียนเข้ามาว่า "ช่วยพิมพ์แล้วแปลเป็นคอลัมๆ หน้า 69 ให้หน่อยดิครับทึ่ 12READING อะครับ ช่วยหน่อยนะ สู้ๆ"

พี่เปิดเข้าไปดูแล้วคับน้อง อยู่ในหัวข้อของ "Taking the Risk"

ข้อความตรงกล่องสีแดงเขียนว่า "Look at the pictures and skim the interviews. Then write the name of the sport to each picture." เค้าบอกว่าให้เราดูที่รูป(ที่อยู่ด้านขวามือ) อ่านบทสัมภาษณ์แล้วเขียนชื่อชนิดของกีฬาที่เค้าพูดถึงให้ตรงกับรูปภาพ

พี่แนะนำ(อย่างแรง)ให้น้อง โฮโมเซเปียนส์ แซ่ฮั้ว อ่านแบบ skim แล้วหารูปภาพให้เจอ คำว่าอ่านแบบ skim คืออ่านแบบผ่านๆ ไม่จำเป็นต้องอ่านทุกตัว แปลมันทุกตัว เอาแค่เจอคำที่เป็น 'keyword' คือกุญแจสำคัญที่จะนำ เราไปสู่รูปภาพที่ถูกต้องทางขวามือ

ทำไมพี่้ต้องแนะนำเรา(อย่างแรง)ให้อ่านเอง เพราะพี่ไม่ได้เข้าไปนั่งในห้องสอบกับน้องด้วยอ่ะเด่ะ นั่นแหละประเด็น น้องต้องฝึกทำเอง แล้วจะดี เชื่อพี่มั๊ยหล่ะ ค่อยๆทำไป ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกตัวทุกคำในหน้านั้น แต่อย่างที่บอก หา keyword ให้เจอ ...

เอาเป็นว่าพี่จะใบ้คำ keyword ให้ก็แล้วกันนะคราวนี้~

บทสัมภาษณ์ในกล่องสีเหลือง : มองหาคำว่า 'fly'(บิน) หรือคำว่า 'bird'(นก) ให้เจอ แล้วจะรู้ว่ารูปไหนที่ใกล้เคียงที่สุด

บทสัมภาษณ์ในกล่องสีม่วง : มองหาคำเดียวเลย 'mountain'(ภูเขา) แค่คำนี้ รู้เลยรูปไหน

บทสัมภาษณ์ในกล่องสีฟ้า : 'water'(น้ำ) หรือ 'diving'(การดำน้ำ) มีอยู่รูปเดียวแหละที่เห็นน้ำอ่ะ

ได้คำตอบแล้วยังเอ่ย? ~ ^^



ติดตาม "คุณขอมา (Requested Topic)" ได้ที่ 

เกร็ดภาษาน่ารู้(Language Tips) : Can you drive?

เกร็ดภาษาน่ารู้(Language Tips) : ยกตัวอย่างประโยคว่า Can you drive? ขึ้นมาแล้วนึกขึ้นได้ ว่ามีบางสถานการณ์ที่ความหมายของ Can you drive? นี่แปลกันคนละเรื่องเลย

ถ้าอยากรู้ว่าเพื่อนเราขับรถเป็นมั๊ย ถาม "Can you drive?" ตอบได้2แบบ "Yes, I can." ขับเป็น "No, I can't." ขับไม่เป็น

แต่ถ้าวันใดวันนึงไปกินเหล้ากับเพื่อน เพื่อนเมาได้ที่อยู่ เพื่อนขับรถมาเองด้วย จะขับกลับบ้านยังไงหล่ะนี่ เมาเป๋ซะขนาดนั้น ก็ถามไปว่า "Can you drive?" ความหมายตรงนี้จะกลายเป็นว่า ขับรถไหวมั๊ยเนี่ย!? ทันที ไม่ได้หมายความว่า เพื่อนขับรถเป็นมั๊ย แต่อย่างใด~ ^^

ติดตาม "เกร็ดภาษาน่ารู้ (Language Tips)" ได้ที่

ห้องเรียนเฉพาะกิจ (Exclusive Class) : Unit 11 It's a very exciting place! ตอนที่3 (part 3)

ห้องเรียนเฉพาะกิจ (Exclusive Class) : Unit 11 It's a very exciting place! ตอนที่3 (part 3)

Unit 11 : Grammar Focus (Page 75)

Modal Verbs 'can' and 'should'

What can i do in Mexico City?
- You can see the Palace for Fine Arts.
- You can't visit some museums on Mondays.

What should i see there?
- You should visit the National Museum.
- You shouldn't miss the Pyramid of the Sun.

Grammar Focus ของหน้านี้ เท่าที่ดูแแล้ว เค้าต้องการจะเน้นอยู่2เรื่อง คือ การใช้can/should กับ การใช้ can/should ในรูปของประโยคปฏิเสธ (can't / shouldn't)

Can แปลได้ว่า 'สามารถ' แต่ถ้าแปลแบบไทยๆแล้วมันจะไม่ออกแนว'สามารถ'ซะทีเดียว อย่างถ้าถามว่า ...

Can you speak Korean? เธอพูดภาษาเกาหลีได้มั๊ย? Yes, I can. พูดได้จ้ะ No, i can't. ไม่อ่ะ พูดไม่ได้
Can you drive? เธอขับรถเป็นมั๊ย/ได้มั๊ย? Yes, i can. เป็นสิ/ได้สิ No, i can't. ไม่อ่ะ ขับไม่เป็น/ไม่ได้

พอจะเข้าใจมั๊ยว่า Can นี่นะ ไม่ได้แปลตรงตัวว่า สามารถ เสมอไป แต่มันออกแนวประมาณว่าเราทำสิ่งที่พูดถึงอยู่นั่นอ่ะได้หรือเปล่ามากกว่า~

Should แปลว่า 'ควรจะ' อันนี้ค่อนข้างตรง Should i call him first? ชั้น(ควรจะ)โทรหาเค้าก่อนดีมั๊ย? Yes, you should. ชั้นว่าเธอควรโทรหาเค้าก่อนนะ No, you shouldn't. ชั้นว่าไม่ควรหล่ะ

การใช้ can/should ในรูปของประโยคปฏิเสธ คือการเติมคำว่า 'not' เข้าไปเป็น can not / cannot, should not. แต่ในหนังสือเค้าต้องการจะสอนรูปย่อให้เรา ย่อให้มันสั้นลง ไม่รู้จะย่อทำไม? หาเรื่องให้เด็กงงได้อีก!? เมื่อย่อออกมาแล้วจะได้ว่า can't กับ shouldn't

ประโยคตัวอย่างเค้าบอกว่า...

What can i do in Mexico City? ชั้นทำอะไรได้บ้างในเมืองเมกซิโก?
- You can see the Palace for Fine Arts. ก็ไปดูPalace for Fine Artsไง
- You can't visit some museums on Mondays. ไปพิพิธภัณฑ์วันจันทร์ไม่ได้นะ (เพราะว่ามันปิด)

What should i see there? ไปเมกซิโกนี่ควรจะไปดูอะไรดีอ่ะ?
- You should visit the National Museum. เธอควรจะไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินะ
- You shouldn't miss the Pyramid of the Sun. เธอต้องไม่พลาดthe Pyramid of the Sunนะ (ก็คือให้ไปดูไปเยี่ยมชมthe Pyramid of the Sunให้ได้นั่นเอง)

***เวลาทำข้อสอบที่มี can/should ให้ดูที่เนื้อเรื่องเป็นหลักว่าควรจะใส่อะไร ใส่แล้วความหมายเพี้ยนมั๊ย ดูจากตัวอย่างแล้วจะเห็น

A : I .... decide where to go on my vacation.
B : You ... go to Korea. It's my favorite place to visit.

A : What ... i see from the Eiffel Tower?
B : You ... see all of Paris, but in bad weather you ... see anything.

คิดว่าควรจะเติมอะไรในช่องว่างดี?

***น้องๆคนไหนมีคำถามลึกๆ หรือไม่เข้าใจตรงไหน แต่ไม่กล้าโพสถามก้อหลังไมค์เข้ามาได้เลยนะ กดเข้าเฟซบุคพี่แล้วส่งเป็นข้อความเข้ามาได้เลย ไม่ต้องแอดพี่เป็นเพื่อนก่อนหรอกจ้ะ ~ ^^

ป.ล. บทที่11คิดว่าจบแค่นี้นะ เดี๋ยวมาต่อบทที่12จ้ะ ...

Thursday, February 9, 2012

ห้องเรียนเฉพาะกิจ (Exclusive Class) : Unit 11 It's a very exciting place! ตอนที่2 (part 2)

ห้องเรียนเฉพาะกิจ (Exclusive Class) : Unit 11 It's a very exciting place! ตอนที่2 (part 2)

บินหนักไปหน่อย ไม่ได้หายใจเลย ขอโทษทีนะน้องๆ แต่พี่จะพยายามเอาให้จบถึงบทที่14ก่อนสอบเน้อ ~ ^^

Workbook - Grammar note : A and An (page63)

Use a or an with (adverb+) adjective + singular noun.
- It has a fairly new park.
- It's an old city.

Don't use a or an with (adverb+) adjective.
-It's fairly new.
It's old.

อ่านแล้วพอเข้าใจมั๊ยเอ่ย? สรุปได้ใจความว่า ...

ใช้ a ก็ต่อเมื่อมีคำนามจบท้ายประโยค แต่หลังคำว่า a จะต้องไม่ใช่คำที่ขึ้นด้วย a,e,i,o,u
ใช้ an ก็ต่อเมื่อมีคำนามจบท้ายประโยค แต่หลังคำว่า an จะต้องเป็นคำที่ขึ้นด้วย a,e,i,o,u เท่านั้น

ตัวอย่างเช่น -

a car, a man, a pen, ...
an article, an elephant, an umbrella, ...

ถ้าจะต่อให้มันยาวขึ้น จะกลายเป็น

a nice car (รถสวย), a handsome man(ผู้ชายหล่อ), a black pen(ปากกาสีดำ)
an interesting article(บทความที่น่าสนใจ), an old elephant (ช้างแก่ๆตัวนึง), an expensive pen (ปากกาแพงด้ามนึง)

*** a กับ an ใช้กับอะไรที่มีแค่หนึ่ง มากกว่านั้นไม่ใช่และ อย่างเช่นจะมาบอกว่า "a nice cars" รถสวยหลายคัน ผิดเต็มประตู ... เมื่อไหร่ที่มี a กับ an เมื่อนั้นคำนามจะไม่มี 's'

แต่ ... บางประโยคก็ไม่ต้องมี a/an เลย สังเกตุได้จาก

1. ประโยคนั้นไม่ได้ลงท้ายด้วยคำนาม(คน,สัตว์,สิ่งของ,ชื่อประเทศ,เมือง,และอีกมากมาย)
2. ประโยคนั้นเป็นพหูพจน์ คือคำนามทั้งหลายแหล่ที่เติม 's' เพราะมันมากกว่า 1

ตัวอย่างเช่น -

"The buildings in Paris are really beautiful." (Advanced : สังเกตุดีๆเค้าใช้ 'The' แล้วเติม 's' ที่ building  มันแปลได้ว่าถ้าคำนามมีมากกว่าหนึ่ง ให้ใช้ The นำหน้าแทน a/an แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่าคำนามทุกตัวจะต้องนำหน้าด้วย The เสมอไป) จบประโยคที่คำว่า beautiful ไม่มีอะไรต่อท้าย แบบนี้ไม่ต้องใช้ a/an

*** ถ้าอยากเห็น a/an มากนักก็ต้องเปลี่ยนประโยคใหม่เลยเป็น "Paris has a nice weather." Paris is an interesting city."

"Clothes are cheap in Jatujak market." ทำไมไม่มี a/an !?!  ดูดีๆ เห็น 's' ที่ clothes มั๊ย นั่นแหละประเด็น

*** ณ จุดนี้ ถ้าอยากเห็น a/an มาก ท่าจะยาก เพราะความหมายจะเพี้ยน แถมออกแนวผิดแกรมม่าอย่างแรง "A cloth is cheap in Jatujak market." จะเป็นไปได้ไงที่ทั้งสวนจตุจักรจะมีเสื้อขายอยู่ตัวเดียว แล้วราคาถูกด้วย ไม่ใช่และ

ลองมาทำแบบฝึกหัดกันเน้อ~ ^^

1. Seoul is ... exciting place to visit. (a/an)
2. Tokyo is ... clean city. (a/an)

2ข้อสุดท้ายนี้ถามว่า จำเป็นต้องมี a/an หรือไม่ ทำไม?

1. Restaurants are very cheap in Mexico.
2. The beaches in Thailand are all beautiful.

Wednesday, February 1, 2012

ห้องเรียนเฉพาะกิจ (Exclusive Class) : Unit 11 It's a very exciting place! ตอนที่1 (part 1)


ห้องเรียนเฉพาะกิจ (Exclusive Class) : Unit 11 It's a very exciting place! ตอนที่1 (part 1)

ได้ข่าวว่าพวกเราจะสอบกันวันที่22กุมภานี่แล้วเร๊อะ งั้นมาเข้าบทที่11กันเถอะ~

Workbook - Grammar note : And, but, though, and however (page62)

***คำว่า "and, but, though, and however" นี่นะมันคือ Conjunctions (คำเชื่อม) นั่นเอง คือเชื่อมเอา2ประโยคหรือ2เรื่องเข้าไว้ด้วยกัน ให้เป็นประโยคเดียวกันเรื่องเดียวกัน

ในหน้านี้เค้าอธิบายเอาไว้ว่า ...

๊Use 'and' for additional information.
-It's an exciting city, and the weather is great.

Use 'but', 'though', and 'however' for contrasting information.
-It's very safe during the day, but it's pretty dangerous at night.
-The summers are hot. The evenings are fairly cold, though.
-It's a fairly large city. It's not too interesting, however.

ให้ใช้ and เมื่อต้องการเพิ่มเติมข้อมูล เช่น ...
- เมืองนี้น่าตื่นเต้นดีนะ แล้วอากาศก็ดีด้วย

ให้ใช้ but, though, however เมื่อต้องการพูดอะไรที่มันขัดแย้งกัน เช่น ...
- ตอนกลางวันนี่็ก็ปลอดภัยดีนะ แต่ว่าค่อนข้างอันตรายในตอนกลางคืน
- ช่วงหน้าร้อนนี่ร้อนนะ แต่ว่าตอนกลางคืนอากาศเย็นสบาย
- เมืองก็ค่อนข้างใหญ่นะ แต่ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่เลย

อ่านแล้วพอจะเข้าใจกันบ้างมั๊ยเอ่ย? สังเกตุดีๆว่า and นี่นะ แปลเป็นไทยน่าจะได้ว่า "แล้วก็" ใช้เพื่อเพิ่มเติมอะไรบางอย่างเข้าไปในประโยค ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเดียวกันไปในทิศทางเดียวกันไม่ขัดแย้งกัน ออกแนวพูดอะไรที่มันดีๆของเรื่องนั้นๆ

แต่ but, though, however นี่แปลเป็นไทยน่าจะได้ว่า 'แต่/แต่ว่า' ใช้เมื่อต้องการจะเอาไปแย้งกับประโยคข้างหน้ามากกว่า

***เคล็ดลับในการทำข้อสอบเรื่องนี้คือ น้องๆต้องรู้ความหมายของประโยค ถึงไม่รู้ทั้งหมดก็เถอะ ต้องรู้อย่างน้อย2คำ มันคืออะไรมาดูตัวอย่างกัน

ถ้าข้อสอบออกมาว่า ...

Sapporo is a very nice place. The winters are terribly cold.

แล้วถามเราว่าให้ใช้ and หรือ ใช้  but, though, however ...

2คำที่พี่บอกว่าต้องรู้ คือ คำว่า 'nice' (ดี)  กับคำว่า 'terribly cold' (หนาวสุดยอด) เพราะ2คำนี้มันขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง

***terribly cold หนาวสุดยอด ป็นการแปลแบบวัยรุ่นๆเฉยๆนะ ไม่ได้หมายความว่าterriblyจะแปลว่าสุดยอดเสมอ terribly แปลว่า อย่างน่ากลัว, อย่างสุดขีด, อย่างเลวร้าย, ... และอีกเยอะแยะมากมายขึ้นอยู่กับว่า terribly แล้วต่อด้วยคำว่าอะไร ~

ถ้าตอบว่า Sapporo is a very nice place, and the winters are terribly cold. นี่ผิดเลย

ต้องตอบว่า... "เมืองซับโปโรนี่ดีนะ แต่หน้าหนาวนี่หนาวสุดยอด"
Sapporo is a very nice place, but the winters are terribly cold.
Sapporo is a very nice place. The winters are terribly cold, though.
Sapporo is a very nice place. The winters are terribly cold, however.

ถ้าพอจะเข้าใจแล้วไหนลองทำแบบฝึกหัด3ข้อนี้ออกมาหน่อยเน้อ~ ^^

1. Bangkok is an exciting city. It's a fun place to visit.
2. My hometown is a great place for a vacation. It's not too good for shopping.
3. Our hometown is somewhat ugly. It has some beautiful old homes.