Monday, February 2, 2015

แนะแนวข้ามทวีป : "so-called flight attendant" ตอนที่ 4 Hello Middle East

***Rules&regulations ในการอ่าน "so-called flight attendant"***

1. เรื่องราวทั้งหมดที่เกิด เป็นประสบการณ์ตรงของผู้เขียนที่อยู่ในอาชีพแอร์โฮสเตสมาเป็นระยะเวลา8ปี ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาโจมตีหรือพาดพิงผู้ใดทั้งสิ้น หากแต่เป็นการเขียนเพื่อเป็นวิทยาทานให้รุ่นน้องที่อยากเป็นแอร์โฮสเตส และเพื่อเพื่อนๆผู้รักการอ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

2. เนื้อหาและเนื้อเรื่องบางส่วนในบางตอน ไม่สามารถนำไปใช้ได้กับสายการบินอื่นๆในเหตุการณ์เดียวกัน การนำเอาเรื่องราวของผู้เขียนไปเปรียบเทียบ หรือยึดถือเป็นหลักโดยรวมว่าด้วยเรื่องของชีวิตการเป็นแอร์โฮสเตส อาจทำให้ผู้อ่านมีความเข้าใจที่ผิดต่อการเป็นแอร์โฮสเตสในภาพรวมได้

3. กรุณาใช้วิจารณญาณขั้นสูงสุดในการอ่าน เนื่องจากเรื่องราวของผู้เขียนนั้น เกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตการทำงานและอยู่อาศัยในประเทศแถบตะวันออกกลางเท่านั้น การจัดการและการบริหารของสายการบินต่างๆในแถบนี้ รวมถึงสายการบินที่เบสในประเทศไทยนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพื่อนร่วมงาน ผู้โดยสาร เชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม การเลี้ยงดูในวัยเด็ก จิตสำนึก ความคิด ทำให้ความสามารถในการมองโลก การแก้ปัญหา การแยกแยะผิดชอบชั่วดี มีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ผู้อ่านจึงไม่ควรตัดสินชีวิตใคร แต่ควรพึงเข้าใจ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นไป ล้วนแล้วแต่เป็น "กรรม" ของแต่ละบุคคลเท่านั้น

................................................................

 แนะแนวข้ามทวีป : "so-called flight attendant" ตอนที่ 4 Hello Middle East 

ตอนที่4มาแว้วววว กับชื่อไทยๆว่า "สวัสดีเมืองแขก" แขกมาก ตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาเลยทีเดียว ... อ่ะ ใครที่ตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า เอ้ย หมายถึงว่าตัดสินใจกระโดดข้ามหน้าผาแห่งความกลัวนั่นมาได้แล้ว ก็ถึงเวลามาเผชิญความจริงกับชีวิตแปลกใหม่(!?)ที่หาไม่ได้อีกแล้วชาตินี้ ขนาดนั้นกันเลยน้อง พี่ขอบอกไว้ตรงนี้ ชัดๆสั้นๆว่า "Welcome to Middle East"

ก่อนจะอ่านเลยไป ขอความร่วมมือผู้อ่านทุกท่าน กลับขึ้นไปอ่าน  Rules&regulations ในการอ่าน "so-called flight attendant" ทั้ง3ข้อใหม่ดีๆ เพราะสิ่งที่กำลังจะเล่าจะบอกนี้ เกิดขึ้นเฉพาะในหนึ่งประเทศของทั้งตะวันออกกลางเท่านั้น ไม่ได้หมายรวมถึงทุกประเทศในตะวันออกกลาง ทุกชนชาติแขกในตะวันออกกลาง แยกแยะให้ออก แล้วจะอ่านอย่างสนุกสนานสบายใจนะเออ 

ใครเคยบินไปเที่ยวที่ต่างๆในโลกมาบ้างแล้วด้วยสายการบินแขกชื่อดังบางสาย พี่คงไม่ต้องบรรยายอะไรมาก แต่ถ้าใครรักชาติยิ่งชีพ ใช้บริการรักคุณเท่าฟ้าตลอดเวลาแล้วละก็ อาจจะไม่เจออะไรแบบนี้ก็ว่าได้ เพราะว่าถ้าพูดถึงเรื่องแขกๆแล้วล่ะก็ ไม่พ้น 3 เรื่องเด่นๆนี้แน่นอน

1. กลิ่นพิเศษ ชนิด "All rights reserved" เข้าขั้น "Guinness Book Records"

กลิ่นพิเศษนี้นะ จนทุกวันนี้ พี่ก็ยังไม่ชินนะ ขอบอกกกกกก กลิ่นของแขกอินเดีย กับกลิ่นของแขกอาหรับ ไม่เหมือนกันนะน้อง แต่ขึ้นชื่อว่ากลิ่นแล้ว จะของใครชาติไหน ก็สลบได้เหมือนกันแหละ อย่างที่บอกว่าใครเคยบินสายการบินแขกแล้วได้ที่นั่งใกล้ๆผู้โดยสารแขก แทบไม่ต้องบรรยายกันเลยทีเดียว น้องๆบางคนคงจะ "ใช่ๆ" อยู่ในใจแล้วตอนนี้ ใครนึกสภาพกลิ่นไม่ออก ก็ไม่ต้องไปนึกมันหรอก ใช่เรื่องมั๊ย!? โชคดีแล้วไม่ต้องได้กลิ่น เก็บเอาไว้ให้เป็นประสบการณ์เฉพาะกันเอาเองเมื่อมาถึงเมืองแขกแล้วก็แล้วกัน แต่ถ้าใครอยากรู้มาก ลองไปเดินตามห้างดู พวกพารากอน อ้อ!!! นี่เลยน้อง ย่านนานา ไปเลย ได้กลิ่นแน่ๆ กลิ่นแขกๆ โชคดีนะ 

กลิ่นพิเศษอีกกลิ่นหนึ่ง ท้าให้ไปถามลูกเรือไทยสายการบินแขกทั้งหลายว่าแทบจะอยากเปิดประตูเครื่องวิ่งออกมาหายใจเลยมั๊ย มันคือกลิ่น "น้ำหอมแขก" โอ้ววว แรง18ชาติไม่มีดับสิ้น อาบน้ำไปเจ็ดวันกลิ่นก็ยังติดทน ราคาแพงด้วยนะ ชนิดดีๆแบบแขกไฮโซ ราคาขวดเหยียบหมื่นนะน้อง กลิ่นมันแบบว่า ออกแนว sandalwood ก็ไม่ใช่ ดอกไม้ป่าก็ไม่เชิง ดมมากๆ รับรองว่ามีหมดสติแน่นอน ใครแพ้น้ำหอมฉุนๆ มาที่นี่ใหม่ๆ อาจจะมีปัญหาเรื่องสองกลิ่นที่ว่ามานี้ เพราะเมืองไทยหน่ะ หายากมาก พวกกลิ่นไม่พึงประสงค์แบบนี้ อย่างมากก็แค่กลิ่นตัวแบบเด็กๆเล่นกีฬาขำๆ เห็นแบบนี้หน่ะ คนไทยเราสะอาดกว่าเยอะนา 

2. อากาศร้อนแบบแขกๆ

หน้าร้อนเมืองแขก มันคืออากาศร้อนๆแบบทะเลทราย นึกภาพออกมั๊ย ทะเลทรายแห้งๆ อบๆอวลๆ แสบจมูก พี่มาจอย(join)ตอนช่วงหน้าร้อนพอดี อากาศตอนนั้น 42 องศา ร้อนร้องไห้หาแม่เลย พี่เกิดเมืองไทย แต่พี่ไม่ชอบอากาศร้อน เพราะเหงื่อออกตัวเปียกหัวจรดเท้า ไม่สบายตัวอย่างแรง ชอบอากาศเย็นพายุหิมะลบ 20 องศาอะไรก็ว่ากันไป อากาศหนาวใส่เสื้อผ้าหลายชั้นได้ แต่อากาศร้อนนี่คือ จะให้พี่แก้ผ้า!? ตลกเลยยยย 

อธิบายเพิ่มเติมเรื่องอากาศร้อนแบบแขกๆ คือ อยู่เมืองไทย หน้าร้อน ถ้าเรายืนในร่มหรือใต้ต้นไม้ แล้วมีลมพัดมา เราจะรู้สึกเย็นสบายชิมิ ใช้ไม่ได้กับเมืองแขกน้อง จะยืนในร่มนอกร่มลมพัดมาก็แสบผิวมาก เหมือนผิวไหม้อ่ะ มันร้อนแห้ง ไม่ใช่ร้อนชื้น ใครเคยไปอยู่ออสเตรเลีย(เมลเบิรน์) อากาศหน้าร้อนคล้ายๆกัน โอยยย ทรมาน แต่ว่านะ เรื่องอากาศ ไม่ต้องห่วงมาก เพราะคนที่นี่เวลาหน้าร้อน เค้าไม่มาเดินแคทวอกกันตามท้องถนนหรอก อยู่ในแต่ในบ้านในตึกในห้างมากกว่า ถ้าจะห่วง พี่ว่าเรื่องกลิ่นมากกว่า ฮาาาาาา 

3. แขก หรือ นกเพนกวิน!?

ข้อนี้ออกแนวล่อแหลม แต่มิได้มีเจตนาแอบแฝงใดๆทั้งสิ้น แซวกันขำๆนะ น้องเคยสังเกตุมั๊ยว่า ทำไมพวกแขกถึงมีรูปร่างคิงไซส์ หย่ายยยยไปหมดทุดสัดส่วน!? มองไปแวบๆยามค่ำคืนแล้วแอบนึกว่านั่นคน หรือ นกเพนกวิน!? แบบนั้นเลยแหละ ที่เมืองแขกเนี่ย ประชากรมากกว่า 50% มีรูปร่างอวบอัด เกินระยะสุดท้ายไปหลายขุม สมัยนี้ยังมีมั๊ยที่เมืองไทย ประกวดเทพธิดาช้างหน่ะ น้องๆเทพธิดาช้างทั้งหลาย ถ้าได้มาเมืองแขก น้องคือหนึ่งใน celebrity ของเมืองแขกเลยทีเดียว เพราะคนที่นี่ ชอบแบบอวบอัด น่ารักน่ากอด หัวกระไดไม่แห้งกันเลยหล่ะ ไปเดินห้างก็จะมีหนุ่มๆแขกเดินตามมาขอเบอร์เลยนะ ไอ้พวกไม้จิ้มไก่แบบพี่ ถือว่าปลอดภัย เพราะไม่มีใครแล โอยยย สาาาาาาาธุ!!!  

3 ข้อคัดแล้วเน้นๆ นี่เป็นแค่ adventure ขำๆเล็กๆที่น้องจะได้เจอเองเมื่อมาอยู่เมืองแขกนะ ไอ้ที่ไม่ขำ หรือขำไม่ออกนี่ให้ติดตามอ่านกันต่อไป แล้วจะเขียนมาให้สะดุ้งกันเรื่อยๆตามดีกรีเนื้อเรื่อง 

ย้อนไปสมัยรุ่นที่พี่มา มีเพื่อนลูกเรือคนไทยมาด้วยกันทั้งหมด 3 คน เป็นกลุ่มคนไทยกลุ่มที่ 3 ที่เดินทางมาจอย ห่างจากกลุ่มแรก 2 อาทิตย์ กลุ่มที่ 2 อาทิตย์เดียว พวกพี่มาถึงกันตอนกลางคืนแล้ว พอออกจากเครื่องเข้าตัวอาคารสนามบิน ก็จะมีคนของสายการบินมารับ พาเราออกจากสนามบิน พาไปส่งที่พัก กลุ่มพวกพี่โชคดีนิดส์นึง ได้พักโรงแรม เพราะว่าที่พักอื่นๆที่เอาไว้รองรับลูกเรือที่มาเทรนเต็มพอดี พวกพี่เลยได้อยู่โรงแรมกัน ระหว่างทางที่นั่งรถกันมา ถึงแม้จะเป็นเวลากลางคืน แต่พวกพี่ก็วุ่นวายกับการมองข้างทาง เพราะอะไรก็ดูแปลกตาไปหมด เริ่มจากเสาไฟข้างทาง คนขับรถคันข้างๆ ทิศทางการขับรถ(พวงมาลัยซ้าย) ต้นไม้ที่นับตันได้เลย(ส่วนใหญ่เป็นต้นปาล์ม) สภาพภูมิประเทศที่เป็นเหมือนเกาะ มีทะเล มีสะพานข้ามไปข้ามมา มีมัสยิดใหญ่มาก ก็มองกันเพลิน เก็บข้อมูลกันไป 

ห้องโรงแรมที่ได้ เป็นเหมือนห้องสูท เพราะมี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีห้องครัว ห้องนั่งเล่น และโต๊ะอาหารใหญ่และยาวมาก เก้าอี้นับได้10ตัว!!! จะอลังการงานสร้างไปไหนเนี่ยเมืองแขก!? First impression ของ Architecture ของเมืองแขกที่พี่สามารถบอกได้เลยก็คือ คนแขกชอบทำเพดาน(ceiling)สูงๆ ไม่ว่าจะบ้านหรือจะที่ไหนๆ ตีเพดานสูงๆไว้ก่อน โต๊ะกินข้าวต้องยาวๆ เพราะคนแขกเค้าอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่นั่นเอง เนื่องจากมี 2 ห้องนอน ห้องนอนมาสเต้อมีเตียงใหญ่เตียงเดียว กับห้องนอนเล็กมีเตียงคู่ 2 เตียง พวกพี่ 3 คนเลยจับฉลากกัน พี่จับได้ห้องใหญ่ น้องๆอีก 2 คนเลยได้แชร์ห้องนอนเล็กกัน 2 คน 

คนของบริษัทที่พามาส่งบอกว่า พรุ่งนี้ให้พวกยูพักวันนึงนะ แล้ววันถัดไป 7 โมงเช้าจะมีรถของบริษัทมารับ ให้เตรียมตัวให้พร้อม โอเค รับทราบ บอกเสร็จก็เอาพวกของกินจำเป็นมาให้ก่อนเล็กน้อยเช่นน้ำกิน อาหารแห้ง แต่พวกพี่ขนกันมาเพียบเลยจากเมืองไทย แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นของแห้งเหมือนกันแหละ เลยนัดกันว่าจะไปซุบเป้อกันวันรุ่งขึ้น ซื้อพวกของใช้ของกินทั้งหลายเข้ามาเก็บไว้ 

รุ่งเช้าพวกพี่ก็ลงไปถามกันที่ Lobby ของโรงแรมว่ามีซุปเป้อที่ไหนที่ไปซื้อของได้ เค้าก็แนะนำให้ไปที่ๆนึง แล้วก็เรียกแทกซี่ให้ ระหว่างทางไปจนถึงซุปเป้อที่ว่า สิ่งที่เรียกความสนใจพี่ได้มากเลยคือ พวกป้ายภาษาแขก(Arabic)ทั้งหลาย ขนาดป้ายร้านกาแฟ Starbucks สุดโปรดของพี่ ยังเป็นภาษาแขกเลย คนขับแทกซี่ก็แขก พูดภาษาอังกฤษแขกๆพอสื่อสารได้ พี่ถึงบอกตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่า ทำไมน้องต้องได้ภาษา อย่างน้อยคือภาษาอังกฤษ เพราะชีวิตของน้องต่อจากนี้ มากกว่า85%ของชีวิตประจำวันคือการติดต่อสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษหมด ไอ้15%ที่พี่ละไว้คือคุยภาษาไทยกับคนไทย ที่ไม่ใช่ทุกคนทุกครั้งจะได้เดินทางมาด้วยกัน ได้อยู่ด้วยกัน ได้เทรนด้วยกัน บางทีน้องอาจจะเป็นคนไทยคนเดียวในกลุ่มนั้นก็เป็นได้ ถ้าน้องสื่อสารกับคนอื่นไม่ได้ สิ่งที่จะตามมาคือ stress(ความเครียด) ซึ่งถ้าเริ่มเครียดแล้ว ชีวิตเมืองแขกของน้องจะเปลี่ยนไปอีกเส้นทางนึงเลย เพราะฉะนั้น สื่อสารให้ได้ เอาให้เข้าใจตรงกันเป็นพอ จบนะ

ส่วนใครที่ freak out เมื่อมาถึงเมืองแขกแล้ว freak out ในที่นี้คือ มาถึงแล้วสติแตก เห็นบ้านเมืองแขกของแท้แล้วรับไม่ได้(สมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว) จะอยู่ยังไง จะทำได้มั๊ย คือออกแนวหลุด หรือไม่ก็ใครที่ตอนนี้ชีวิตกำลังเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เปลี่ยนงาน ทุกอย่างกลับตาลปัตร โลกกลายเป็นสีดำ ทำยังไงดี ไม่ต้องกลัว ทุกคนมีดินสอสีอยู่ใกล้ตัวทั้งนั้น บางคนถือเอาไว้ในมือแบบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ จัดเลย แล้วแต่ชอบอยากได้แบบไหน ดินสอสีในที่นี่คือ "ที่พึ่งทางจิตใจ" นั่นเอง บางคนเข้าหาธรรมะ บางคนเที่ยวกลางคืน หนักหน่อยติดเหล้ายาการพนัน สุนทรีย์หน่อยก็บ้าบอยแบนด์เกาหลี(อิอิ) บ้างก็เลือกมีแฟน คบหาจริงๆจังๆถึงขั้นแต่งงาน(ขอแสดงความยินดีด้วย) ชีวิตเลือกได้ของแท้นะเออ

ถ้าให้เปรียบ คนที่ freak out เมื่อมาถึงเมืองแขก "ดินสอสี" ของคนพวกนี้ก็คือเพื่อนคนไทย หรือคนชาติเดียวกันนี่แหละ เพื่อนพวกนี้จะเป็นดินสอสีกล่องแรกของเรา เกาะกลุ่มกันเอาไว้ให้ดี น้อง น้องไม่ต้องมาจากสุพรรณหรอก แค่เป็นคนไทย ก็รักกันดูแลกันเองได้ดีแล้ว แบบอัตโนมัติด้วยนะ ขอบอกกกก แล้วเพื่อนกลุ่มแรกของน้องกลุ่มนี้ จะอยู่กับน้องไปจนวันลาออกจากการเป็นแอร์ ย้ายสายการบินไป แยกย้าย แต่งงานมีลูก ก็ยังคงไปมาหาสู่กัน เรียกได้ว่ากลายเป็นเพื่อนสนิทระดับเข้าขั้นครอบครัวกันไปเลยทีเดียวเชียว

Hello Middle East จึงเป็นการเปิดโลกปราการแรกที่น้องต้องรับให้ได้เสียก่อน เพราะเมื่อขึ้นไปบินแล้ว มันจะเป็นอีกโลกนึงที่น้องไม่เคยรู้จัก และ(อาจจะ)ไม่อยากรู้จักสำหรับบางคน เพราะฉะนั้น "ดินสอสี" ของน้องกล่องนี้ ขอให้เลือกให้ดีๆ เพราะมันจะช่วยน้องทุกเรื่องเวลาน้องเจอเรื่องแย่ๆเรื่องร้ายๆเรื่องทำลายความมุ่งมั่นความตั้งใจของเรา ไม่ต้องถึงขนาดเป็นแอร์แล้วจะต้องมี "ดินสอสี" เพราะไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร "ดินสอสี" is a must to have หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า "A no-go item" นั่นเอง 

พร้อมมั๊ยกับตอนหน้า? แนะแนวข้ามทวีป : "so-called flight attendant" ตอนที่ 5 Back to School 

>>> แนะแนวข้ามทวีป : "so-called flight attendant" ตอนที่ 5 Back to School  <<<



"so-called flight attendant" ตอนที่ 2 How come?

No comments: