Tuesday, February 17, 2015

แนะแนวข้ามทวีป : "so-called flight attendant" ตอนที่ 6 I believe I can fly

**Rules&regulations ในการอ่าน "so-called flight attendant"***

1. เรื่องราวทั้งหมดที่เกิด เป็นประสบการณ์ตรงของผู้เขียนที่อยู่ในอาชีพแอร์โฮสเตสมาเป็นระยะเวลา8ปี ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาโจมตีหรือพาดพิงผู้ใดทั้งสิ้น หากแต่เป็นการเขียนเพื่อเป็นวิทยาทานให้รุ่นน้องที่อยากเป็นแอร์โฮสเตส และเพื่อเพื่อนๆผู้รักการอ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

2. เนื้อหาและเนื้อเรื่องบางส่วนในบางตอน ไม่สามารถนำไปใช้ได้กับสายการบินอื่นๆในเหตุการณ์เดียวกัน การนำเอาเรื่องราวของผู้เขียนไปเปรียบเทียบ หรือยึดถือเป็นหลักโดยรวมว่าด้วยเรื่องของชีวิตการเป็นแอร์โฮสเตส อาจทำให้ผู้อ่านมีความเข้าใจที่ผิดต่อการเป็นแอร์โฮสเตสในภาพรวมได้

3. กรุณาใช้วิจารณญาณขั้นสูงสุดในการอ่าน เนื่องจากเรื่องราวของผู้เขียนนั้น เกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตการทำงานและอยู่อาศัยในประเทศแถบตะวันออกกลางเท่านั้น การจัดการและการบริหารของสายการบินต่างๆในแถบนี้ รวมถึงสายการบินที่เบสในประเทศไทยนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพื่อนร่วมงาน ผู้โดยสาร เชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม การเลี้ยงดูในวัยเด็ก จิตสำนึก ความคิด ทำให้ความสามารถในการมองโลก การแก้ปัญหา การแยกแยะผิดชอบชั่วดี มีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ผู้อ่านจึงไม่ควรตัดสินชีวิตใคร แต่ควรพึงเข้าใจ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นไป ล้วนแล้วแต่เป็น "กรรม" ของแต่ละบุคคลเท่านั้น

................................................................



แนะแนวข้ามทวีป : "so-called flight attendant" ตอนที่ 6 I believe I can fly 

ตามสัญญา อย่างช้าวันที่ 17 กุมภา แต่สงสัยกว่าจะเขียนเสร็จพร้อมเอาลง จะยังเป็น 17 กุมภาที่นี่ แต่ 18 กุมภาที่ไทยนะ ไม่ถือว่าผิดสัญญาแต่อย่างใด ฮิ้วววว บินกันให้มึน หยุดวันนี้วันเดียวเอง อ่ะจัด!!!~ I believe I can fly เป็นตอนหลังจากที่เทรน 2 เดือนกว่าๆเสร็จแล้วก็ติดปีกขึ้นบินกันได้เลย ก่อนขึ้นบินวันแรกประมาณซัก 2-3 วันได้ จะเป็นช่วงย้ายที่อยู่จากโรงแรมเข้าไปที่ตึกที่พักของลูกเรือ (สมัยก่อนลูกเรือที่มาใหม่แล้วอยู่ในช่วงเทรนจะอยู่คนละตึกกับลูกเรือที่บินแล้ว สมัยนี้รวมตึกแล้วใหม่เก่าอยู่ด้วยกัน ฉันท์พี่น้อง!?) แต่ละตึกก็จะมีลิสห้องว่างมาให้เราเลือกกันเอง ใครอยากอยู่กับใครก็จัดเลย 

ตึกที่พักของลูกเรือ หรือที่เรียกกันว่า "Crew Accommodation" มันก็คือคอนโดดีๆนี่เอง เป็นห้องชุดมาให้ แล้วแต่ว่า 2  ห้องนอนหรือ 3 ห้องนอน ห้องน้ำในตัวหรือแยกต่างหาก ก็เลือกกันไป มีห้องครัวกับห้องรับแขกที่ใช้ร่วมกัน พี่เลือกตึกที่เป็นห้องชุดแบบมี 3 ห้องนอน ห้องน้ำอยู่ในห้องนอนทั้ง 3 ห้อง แถมมีห้องน้ำสำหรับแขกด้วยรวมเป็นห้องน้ำ 4 ห้อง ห้องชุดนี้มีลูกเรือชาวบัลแกเรียเค้าอยู่ก่อนแล้ว แต่ห้องยังว่างอยู่ 2 ห้อง พี่กับเพื่อนคนไทยที่เทรนด้วยกันคนนึงตกลงกันว่าจะเลือกตึกนี้แหละ ส่วนคนไทยอีกคนนึงเลือกไปอยู่อีกตึกนึงกับเพื่อนลูกเรือต่างชาติที่สนิทกัน 

ลูกเรือใหม่ที่เทรนเสร็จแล้วพร้อมขึ้นบิน ไฟลท์ 2 ไฟลท์แรกที่เริ่มบิน(ตามชนิดของเครื่องบิน) จะเรียกว่าเป็น "fam flight" อ่านว่า แฟมไฟลท์ คือย่อมาจากคำว่า "familiarization flight" ซึ่งก็แปลว่าให้เราขึ้นไปทดลองบินครั้งแรก กับเครื่องบินทั้งลำใหญ่ลำเล็กแล้วแต่สายการบินเค้าใช้บิน พวกแฟมไฟลท์นี่ ไม่ต้องทำไรมาก ยังไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้นบนเครื่อง แค่ขึ้นไปดูว่าลูกเรือทำงานกันยังไง เริ่มตั้งแต่เหยียบขึ้นเครื่องยันออกจากเครื่องกันเลยทีเดียว ไฟลท์ขาไปเราดูลูกเรือเค้าทำงาน คือให้ "observe" การทำงานของลูกเรือ ไฟลท์ขากลับเราถึงลองทำเอง ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้ หรือแล้วแต่หัวหน้าลูกเรือจะสั่งการว่าอยากได้แบบไหนยังไง อาจจะให้ลองเล่นดูเลยตั้งแต่ไฟลท์แรก อันนี้แล้วแต่ความบ้าบิ่นของ CSM แต่ละคน

มาดูศัพท์ลูกเรือเบื้องต้นกัน คำว่า หัวหน้าลูกเรือ เรียกได้หลายแบบแล้วแต่สายการบินจะเรียก มีทั้ง "Purser" , "Cabin Manager" เรียกย่อๆว่า CM, "Cabin Service Manager" เรียกย่อๆว่า CSM สายการบินพี่เรียกหัวหน้าลูกเรือว่า CSM เรียกรองหัวหน้าลูกเรือว่า Cabin Senior หรือ CS แต่ละสายการบินเรียกไม่เหมือนกัน แล้วแต่ละ cabin ก็มีหัวหน้าดูแลรับผิดชอบต่างกันไป อย่างที่บอกว่าแล้วแต่สายการบินเค้าจัดเค้าเรียก การจัดการหรือการบริหารต่างกันไป จบนะ

"Fam flight" แรกของพี่ เรียกได้ว่าเป็นการขึ้นบินครั้งแรก เริ่มจากเครื่องเล็ก A320 คือเป็นชื่อรุ่นเครื่องของ Airbus ลำนี้จุผู้โดยสารชั้นธุรกิจ 16 คน ชั้นประหยัด 120 คน ก็อีกนั่นแหละ แล้วแต่สายการบินเค้าจะแบ่ง Cabin ของเค้ายังไง บางที่อาจจะเป็นชั้นประหยัดทั้งลำเลยเริ่มตั้งแต่แถวแรกมาเลยก็ได้ เครื่องบินพวกนี้ พบได้แน่ๆที่ไทย บินแบบ Domestic คือแบบในประเทศ มีอยู่หลายสายการบิน อย่างสายการบินนกบินได้ เป็นต้น (สายการบินนกบินได้!? อ่าว ก็เครื่องมันเป็นรูปนกเลยอ่ะ มีปากมีหูมีจมูกกกกกก บางลำใส่แว่นกันแดดด้วย คือ? Angry Bird?) 

กลับมาก่อน เข้าเรื่อง "Fam flight" แรกของพี่ ไปไหนรู้ป่าว? นี่เล้ย Karachi, Pakistan รู้จักมั๊ย? ภาษาไทย เมืองคาราชี ประเทศปากีสถาน ไฟลท์นี้นะ เป็นไฟลท์ข้ามคืน หรือที่เรียกกันว่า "night flight turn around" คือบินไปส่งผู้โดยสารตอนกลางคืน แล้วกลับมาอีกทีตอนเช้า Flying time ขำๆ ไปไม่ถึง 3 ชั่วโมง กลับก็ไม่ถึง 3 ชั่วโมง ความรู้สึกตอนนั้น ก็ต้องตื่นเต้นแหละ เห็นเครื่องบินอยู่ตรงหน้า เดินขึ้นเครื่องในชุดแอร์โฮสเตส ไม่ใช่ชุดผู้โดยสาร ความรู้สึกต่างกันโดยสิ้นเชิงน้อง ตอนเทรน มีบ้างที่เค้าพาไปดูเครื่องจริงๆ ขึ้นไปบนเครื่องดูอุปกรณ์ทุกอย่างด้วยตาจริงๆไม่ใช่จาก "mockup" (ม๊อกอัพ) เหมือนทุกที ("mockup" เป็นศัพท์ที่โรงเรียนสอนการเป็นลูกเรือใช้เรียกเครื่องบินจำลอง หรือ cabin จำลองเอาไว้เฉพาะสอนเท่านั้น) 

แล้วพี่บอกเลย ใครที่ชอบความเร็ว จะแข่งรถหรือกีฬาเอกซ์ตรีมทั้งหลาย อาจจะถูกใจ เพราะช่วงเครื่อง "take off" นี่ เหมือนนั่งอยู่ข้างๆ Michael Schumacher กันเลยทีเดียว เร็วและแรง สะใจพี่ลิงเค้าหล่ะ(สาบานว่าเป็นแอร์) ฮาาาาาา แฟมไฟลท์แรกของพี่ ไม่ต้องเสียเวลา observe ลูกเรือให้ยุ่งยาก เพราะ CSM ไฟลท์พี่สั่งเลย ยูจัดเลยหนึ่งคารท์ (cart) Cart ที่ว่านี้คือ "Meal Cart" คือเป็นคารท์เสริฟอาหารให้ผู้โดยสารนั่นเอง เอากันตรงๆนะน้อง แค่ให้ถาดอาหารผู้โดยสารเนี่ย มันจะไปยากอะไร!? ถามผู้โดยสารว่าจะรับทานไรค๊ะ ไก่ เนื้อ หรือ ปลาค๊ะ? แค่เนี๊ยะ ชีวิต ลูกเรือรุ่นพี่อีกคนที่ออกมาด้วยมาช่วยกันเสริฟจนหมดคารท์ พอกลับเข้าแกลลี่ (Galley คือส่วนครัวของตัวเครื่อง) ไปก็ถามพี่เลย ยูๆ ยูเคยทำงานเป็นแอร์กับสายการบินอื่นมาก่อนเรอ ห๊ะ!? ไม่นะ นี่สายการบินแรกของฉันจ้ะ อ้าว? แล้วทำไมยูดูคล่องแคล่ว ไม่เกร็งเลยหล่ะเวลาเสริฟผู้โดยสารหน่ะ ห๊ะ!? เกร็ง!? เสริฟอาหารผู้โดยแค่นี้ต้องเกร็งด้วยเร๊อะ!? ป้าดดดด พี่ยังงงกับคำถามนั้นมาจนถึงทุกวันนี้แหละน้อง -_-

มาดูแฟมไฟลท์เครื่องใหญ่กันบ้าง วันถัดไปพี่ต้องไป มะนิลา ฟิลิปปินส์ ใช้เครื่องใหญ่ คือเครื่อง A340 อย่าถามว่าจุกี่คน พี่ไม่จำและ แล้วเครื่องนี้ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่และ ถูกส่งไปสุสานเครื่องบินที่อเมริกาหมดแล้ว ฮาาาาาาาาาาาาาา เอาเป็นว่าผู้โดยสารชั้นประหยัดมีประมาณ 200 กว่าคน (อ่ะ my colleagues ทั้งหลาย ใครซุ่มอ่านอยู่มาบอกหน่อย Lima Crab เอ้ยยย Lima Charlie มีกี่ seat!?) CSM ไฟลท์นี้สอนพี่หลายเรื่องมาก Flying time ไปมะนิลาจากที่นี่คือ 9 ชั่วโมงได้ เปิดคู่มืออ่านจนหมดท่องไปท่องมาแล้วยังไม่ถึงเลยเชื่อป่าว? แต่เพราะว่าเป็นเครื่องใหญ่ ลูกเรือก็จะมีเยอะกว่าเครื่องเล็ก เราก็จะได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง ทั้งดีทั้งไม่ดี เก็บข้อมูลกันไปแล้วค่อยว่ากัน แต่ CSM คนนี้นะ พี่จำแม่น เค้าก็จำพี่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ เจอหน้ากันทีไรเค้าจะเรียกพี่ว่า "You, crazy monkey!!!" โอ้ววว ขอบคุณค่ะที่ชม 

ตามปกติแล้วพวกแฟมไฟลท์เนี่ย จะมีสิทธิ์พิเศษอยู่อย่างนึง คือการได้เข้าไปนั่งในห้องนักบินตอนเครื่องขึ้น-ลง ดูการ take off แล้วก็ landing ของนักบิน อันนี้แล้วแต่สายการบิน พี่ไม่แน่ใจสายการบินอื่น แล้วก็ขึ้นอยู่กับตัวนักบินแล้วก็ CSM ด้วยว่าให้มั๊ย ไม่ใช่ใครจะเข้าไปนั่งได้ง่ายๆ แต่เพราะพวกพี่เป็นหนึ่งในลูกเรือของสายการบินนี้แล้ว การจะเข้าไปนั่งดูการ take off/landing ของนักบินในช่วงเวลา fam flight แรกนั้นเลยไม่ใช่เรื่องยาก ตอนกำลังจะลงที่มะนิลา กัปตันเลยบอก CSM ให้เรียกพี่เข้าไปนั่ง กับตันใจดีจัดที่นั่งให้ดิบดี วิวสวยซะ สวยจริงๆนะพวกวิวเมืองใหญ่ๆที่มองจากด้านบนลงมาหน่ะ เสริฟผู้โดยสารไม่เกร็ง แต่เข้าห้องนักบินที่มีปุ่มไรเยอะแยะระโยงระยางนี่ทำเอาพี่เกร็งนั่งนิ่งตัวแข็งเลย กัปตันหันมาหัวเราะบอกยูๆ "relax" เดี๋ยวไอเอาเครื่องลงนิ่มๆ ไม่ต้องกลัวววววว อ่ะนะกัปตัน -_- 

เนื่องจาก flying time ไปมะนิลานี่นะมันยาวววว ลูกเรือต้องพักค้างคืนที่มะนิลาอย่างน้อย 1 คืน (อันนี้แล้วแต่ flight นะ บางไฟลท์ได้พักเยอะกว่านั้น) ไฟลท์มะนิลาแรกแฟมไฟลท์ของพี่นี่คือ 34 ชั่วโมง คือไปถึงตอนเช้ามะนิลา แล้ววันรุ่งขึ้นตอนเย็นก็บินกลับเลย โรงแรมที่พวกพี่อยู่ตอนนั้น เป็นโรงแรมที่อยู่ใจกลางเมืองมะนิลา มีห้างสร้างติดกับโรงแรมเลย ไปมาสะดวก แต่ไฟลท์มะนิลากับประเทศฟิลิปปินส์นี่ขัดใจพี่อยู่ 2 อย่าง คนชอบคิดว่าคนไทยคือคนฟิลิปปินส์ ไปไหนๆใครก็พูดภาษาตากาล็อกใส่ มึนกันไป ไม่ไหวขอเคลียร์!? แล้วใครที่ชอบทานอาหารรสชาติหวานมดไม่กล้าขึ้น ขอเชิญไปเที่ยวมะนิลา เพราะอาหารทุกอย่างมีอยู่รสชาติเดียว หวานนนนนนนนนน้ำตาลเรียกคุณย่า 

กลับจากมะนิลา พี่ได้วันหยุด 2 วัน จำแม่นม๊ะ นี่ 8 ปีแล้วนะ ต้องแม่นสิ เพราะของพวกนี้มีผลกับความทรงจำของเรา พวกครั้งแรกทั้งหลาย ยกเว้นรักครั้งแรก!? ไม่มีผลกับพี่ ฮาาาาาาาาาา เป็นวันหยุด 2 วันที่หมดไปกับการจัดห้อง ตกแต่งห้อง ซื้อของเข้าบ้าน โอยยยย ข้าวใหม่ปลามันมากน้อง ช่วงแรกๆของการบิน บอกได้เลยว่าน้องจะ alert มาก เพราะมันเป็นเรื่องใหม่ที่เราต้องทำความเข้าใจอย่างแรง บินไปไหน เครื่องไหน อะไรอยู่ตรงไหน เราต้องทำอะไรบ้าง เรียกได้ว่าต้องมีสติให้มากถึงมากที่สุด ตอนเทรนสติอาจมีหลุดกันได้บ้างบางเวลา แต่พอมาขึ้นบินแล้ว สติหลุดไม่ได้นะ เพราะมันคือเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นตรงหน้า เริ่มจากปัญหาที่ไม่น่าจะใช่ปัญหา ยันปัญหาที่ออกแนวซีเรียสและอาจจะกระทบต่อชีวิตและความปลอดภัยของคนทั้งเครื่อง แล้วเราต้องจัดการกับปัญหานั้นๆให้ได้ พี่บอกเลย เราจะรู้จักตัวเองมากขึ้นก็ตอนมาเป็นแอร์เบสต่างประเทศนี่แหละน้อง อ่านต่อไปเรื่อยๆ แล้วจะรู้เอง 

หลังจากหยุด 2 วันแล้ว ก็มาถึงไฟลท์ประวัติศาสตร์ไฟลท์แรกในชีวิตพี่ ที่ว่ามันเป็นไฟลท์ประวัติศาสตร์ เพราะมันคือไฟลท์แรกที่พี่ต้องoperate เรียกว่า "first operating flight" พี่จะได้เป็นหนึ่งในลูกเรือที่มีที่นั่งเป็นของตัวเอง มี duty ต่างๆมากมายให้รับผิดชอบเริ่มตั้งแต่การเช็คพวกอุปกรณ์นิรภัยทั้งหลายที่อยู่ใน area ของพี่ การ secure cabin ก่อนเครื่องขึ้น คือการตรวจสอบว่าผู้โดยสารทุกคนนั่งรัดเข็มขัดหมดแล้ว กระเป๋าเก็บเข้าที่เรียบร้อยแล้ว เป็นต้น First Operating Flight ของพี่คือ "London" ประเทศอังกฤษนั่นเอง แล้วบังเอิญมากที่มันดันไปตรงกับวันเกิดพี่พอดิบพอดีเลย ทั้งไฟลท์ผ่านไปได้ด้วยดี CSM เป็นผู้หญิงอังกฤษใจดีมาก CS เป็นคนไทย เพื่อนๆลูกเรือทุกคนให้การต้อนรับดี ตอนนั่งรถออกจากสนามบินไปโรงแรม CS คนไทยคนนี้ก็เรียกพี่ให้ไปยืนข้างหน้า แล้วก็ยื่นของ 2 สิ่งให้ นั่นคือ การด์อวยพรวันเกิดที่เขียนโดย กัปตัน ผู้ช่วยกัปตัน CSM CS และลูกเรือไฟลท์นั้นทุกคน (ไม่รู้ไปเขียนกันตอนไหน) พร้อมกับน้ำหอมยี่ห้อ DKNY รุ่น Delicious ขวดสีแดง(จำแม่น อีกแล้วคับท่าน) ที่ลูกเรือทั้งไฟลท์รวมเงินกันซื้อเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้พี่ เอ่ออออ ลิงกินจุด!? แปลว่า อึ้งคับอึ้ง พูดขอบคุณกันไม่ถูกเลยทีเดียวเพราะไม่คิดว่าจะได้รับอะไรแบบนี้จากคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก จนถึงวันนี้ การด์ใบนี้ยังอยู่ดี แล้วพี่ก็จะเก็บมันไว้ตลอดไป 

ผ่าน 3 ไฟลท์นี่ไป พี่มั่นใจว่า "I believe I can fly" ทุกไฟลท์ทุกวันที่บิน มันตอกย้ำประโยคนี้ให้ชัดขึ้นไปเรื่อยๆ พวกพี่ผ่านการเทรนมาเหมือนกัน บินด้วยกัน เจอเรื่องดีๆร้ายๆมาด้วยกัน พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ขนาดที่ว่า เครื่องบินคือบ้านที่แท้จริง ส่วนไอ้ crew accommodation ที่ว่านั่น เป็นได้แค่โรงแรมที่พักแค่นั้นแหละ!? (พวกแปลโค้ดลับของลิงออกนี่ ไม่พ้น my colleagues ทั้งหลาย ฮาาาาาาาาาา) ประเด็นที่พี่จะบอกคือ สำหรับบางสายการบิน น้องอาจจะต้องบินเยอะกว่าอยู่บ้านหน่ะ เรียกได้ว่าชีวิตวันๆนึงอยู่บนเครื่องมากกว่าอยู่บ้านอีก ให้ตายเถอะโรบิ้น!? แต่จะยังไงก็เถอะ จะบินหนักบินเบา ขอให้ "I believe I can fly" ให้ตลอดทุกไฟลท์ แล้วจะดีเอง สุดท้ายนี้ ใครมีบิน จะบินแบบoperateเป็นลูกเรือ หรือ บินแบบผู้โดยสาร ก็ "Have a safe flight" นะ!!!~ 

***[Spoiled]*** แนะแนวข้ามทวีป : "so-called flight attendant" ตอนที่ 7 
อ่ะใครชอบเล่นเกม ยกมือขึ้น!!! เพราะ "so-called flight attendant" ตอนที่ 7 นี้ จะเป็นการเขียนตามโพลหัวข้อที่มิตรรักแฟนเพจทั้งหลายอยากให้เขียนเป็นตอนที่ 7 มากที่สุด เลือกมา 1 หัวข้อ จากทั้งหมด 4 ข้อข้างล่างนี้ ข้อไหนได้โหวตมากที่สุดถึง 3 ครั้งก่อน ลิงจัดให้เป็นตอนที่ 7 เลย ส่วนหัวข้อที่ไม่ชนะ ก็ต้องเขียนออกมาเหมือนกัน ไม่ต้องห่วง ช้าหรือเร็ว ก็ต้องเขียนอยู่ดี มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง 

Vote : "so-called flight attendant" ตอนที่ 7

1. What time is it?
2. Who do you think you are?
3. It's all about the money.
4. A war zone.

เลือกได้ยัง? อ่ะ comment มาด่วน เดี๋ยวลิงปั่นให้!!! ~

>>> แนะแนวข้ามทวีป : "so-called flight attendant" ตอนที่ 7 Who do you think you are? <<< 

................................................................
"so-called flight attendant" ตอนที่ 1 How? 
"so-called flight attendant" ตอนที่ 2 How come?

"so-called flight attendant" ตอนที่ 4 Hello Middle East 

"so-called flight attendant" ตอนที่ 5 Back to School 


No comments: