Friday, July 3, 2020

Welcome on board ตอนที่ 4 Breathe normally

***โปรดทำความเข้าใจก่อนอ่าน***

1. "Welcome on board" จัดทำขึ้นมาโดยคำแนะนำของอาจารย์เกรียงไกร ทองชื่นจิต อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาต่างประเทศของโรงเรียนราชีนีบูรณะ จ.นครปฐม เพื่อเป็นสื่อการเรียนการสอนเพิ่มเติมด้านวิชาภาษาอังกฤษให้กับทางโรงเรียนราชีนีบูรณะ จ.นครปฐม และสำหรับบุคคลที่สนใจทั่วไป ห้ามมิให้ทำการดัดแปลง ตัดต่อ หรือเพิ่มเติมเนื้อหาโดยไม่ได้รับอนุญาต


2. Safety Demo ชุดนี้ จัดทำโดยสายการบิน Virgin America ผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำหรือตัดต่อใดๆทั้งสิ้น หากเพียงแต่นำมาเป็นข้อมูลใช้ในการเขียนเพื่อให้ความรู้ในเรื่องของการบินเท่านั้น


3. อุปกรณ์นิรภัยและทางออกในกรณีฉุกเฉินที่เห็นใน 
Safety Demo ชุดนี้ ใช้ได้เฉพาะเครื่องบินรุ่นที่สายการบิน Virgin America  ใช้บินเท่านั้น ผู้อ่านควรให้ความสนใจในการดู safety demo ทุกครั้งที่บินกับสายการบินอื่นๆ เนื่องจากแต่ละสายการบินนั้นใช้เครื่องบินต่างรุ่นกัน ทางออกฉุกเฉินรวมไปถึงอุปกรณ์นิรภัยต่างๆที่ใช้ในยามฉุกเฉินนั้นอาจไม่เหมือนกัน

4. ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าผู้อ่านจะได้เกร็ดความรู้ไม่มากก็น้อยทั้งในเรื่องของภาษาอังกฤษและความรู้ทั่วไปในเรื่องของการบิน ทั้งนี้ทั้งนั้น ขอให้ผู้อ่านทุกท่านที่ต้องเดินทางไป-กลับโดยเครื่องบิน มีความราบรื่นและปลอดภัยตลอดการเดินทาง "Safe flight always" ~


....................................................................................




สรุปว่าก็ยังไม่ได้ไปบินนะ เพราะ Destination (จุดหมายปลายทาง) ที่จะไปนั้น ประเทศเค้ายังไม่เปิดเลย ไฟลท์ก็เลยต้องแคนเซิลไปตามระเบียบ มานั่งปั่น Welcome on board ตอนที่ 4 Breathe normally ต่อดีกว่า #ชิวววกับชีวิตออนกราวน์ 

ตอนที่ 4 นี้จะเริ่มตั้งแต่นาทีที่ 1.38 ไปจบที่นาทีที่ 2.01 เนื้อเพลง(Lyrics)ของตอนนี้ มีอยู่ว่า 

>>> Yo Yo Yo.

Now that you’re bopping your head to the rap scene.

Now that your eyes are glued to the flat screen.

If the cabin pressure’s changin’, you know that we won’t be, leavin’ you hangin’.

Pull your mask down first, don’t worry oxygen flows.

Tighten the straps after placing on your mouth and your nose.

If you’re traveling with someone, like a child for instance, put your mask on first before your offer assistance<<< 

เลือกมา 7 คำด้วยกันในตอนนี้ ไปดูกันเลย

bopping 
มีรากศัพท์มาจากคำว่า >>> bop <<< คือ เวลาที่เราเต้นหรือโยกไปตามจังหวะเพลง ในที่นี้อยู่ในรูปของ V. -ing เพื่อเข้ากับรูปประโยคที่ต้องการจะบอกว่า "Now that you’re bopping your head to the rap scene." คือ "มาถึงตอนนี้คุณกำลังโยกหัวไปตามจังหวะเพลงแร๊พ"

glued 
มันคือ >>> glue <<< ที่ทุกคนรู้ว่าแปลว่า กาว (noun) แต่ถ้าเอา glue มาใช้ในรูปแบบของคำกริยา มันจะแปลว่า ติดด้วยกาว/ทากาว พอเอามาใช้กับประโยคนี้ "Now that your eyes are glued to the flat screen." แปลได้ว่า ตาของคุณนั้นติดอยู่กับหน้าจอทีวี นั่นเอง แถมคำว่า flat (แบน) หน้าคำว่า screen (หน้าจอ) เข้ามาด้วย ให้รู้ว่าเป็๋น ทีวีจอแบน ในที่นี้คือหน้าจอมอนิเตอร์ส่วนตัวที่จะอยู่ตรงหน้าที่นั่งของเราเลย 
***Eyes are glued to ... คือ สายตาจดจ้องอยู่กับ ... 

cabin pressureตรงตัวเลย คือ "ความดันในห้องโดยสาร" ทำให้ทุกคนหายใจได้แบบปกติเวลาที่เราอยู่บนฟ้านั่นเอง ถ้าไม่มี cabin pressure ตัวนี้คือขึ้นไปก็หายใจไม่ออก สลบเหมือดเลย 

*** ขอแทรกตรงนี้เลยแล้วกันเรื่อง cabin pressure ว่าเวลาที่เกิดเหตุฉุกเฉินเมื่อเครื่องบินสูญเสียระดับความดันในห้องโดยสาร เครื่องบินจะลดระดับลงทันทีเหมือนเราเล่นรถไฟเหาะตีลังกาขาลงอ่ะ แบบนั้นเลย สำคัญที่สุดคือ หน้ากากออกซิเจนที่ถูกเก็บอย่างดีบนเหนือศรีษะของเราจะถูกปล่อยออกมา ผู้อ่านท่านไหนมีโอกาสได้ไปอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ขอแนะนำด้วยความหวังดีว่าสิ่งแรกที่ต้องทำคือ ดึงหน้ากากออกซิเจนที่หล่นลงมาแล้วสวมเข้าหน้าทันที ไม่ต้องคิดอะไรแล้ววินาทีนั้น เพราะว่าในระดับความสูงที่ 40,000 ft เรามีเวลาอยู่แค่ 12 วินาที เท่านั้นก่อนจะหมดสติ ไม่ต้องไล่ตัวเลขอะไรกันมากมายให้ปวดหัวว่าบินสูงระดับไหน แล้วจะมีเวลาแค่ไหนในการหายใจก่อนจะหมดสติ เอาแค่ให้มีสติและยังไม่สลบไว้ก่อนเป็นพอ ที่เหลือขอให้ฟังการประกาศจากกัปตันเท่านั้นว่าถอดหน้ากากออกซิเจนได้เมื่อไหร่ *** 

*** ใครสังเกตคำว่า changin'leavin’,  hangin’ มันคือการเขียนแบบย่อๆนั่นเอง ตัวเต็มๆคือ "changing, leaving, hanging" เค้าจะตัดตัว g ออกแล้วใส่เครื่องหมาย ' เข้าไปแทน เป็นอันรู้กัน การเขียนตัวย่อแบบนี้ไม่แนะนำให้เขียนในอะไรที่เป็น Official letter หรือ Business writing นะ 


"If the cabin pressure’s changin’, you know that we won’t be, leavin’ you hangin’." เลยแปลแบบเอาใจความได้ว่า "เราจะไม่ปล่อยให้คุณรอนานแน่นอนถ้าระดับความดันในห้องโดยสารเปลี่ยน "We won't be leaving you hanging." ก็เป็นสำนวนสั้นๆที่บอกว่าจะไม่ทำให้รอนาน ในที่นี้คือถ้าความดันในห้องโดยสารลดลงปุ๊บ หน้ากากออกซิเจนจะหล่นลงมาปั๊บ 

flows
>>> flow <<< ในที่นี้อยู่ในรูปแบบของคำกริยา เพราะมีการเติม s และข้างหน้าคือคำว่า oxygen (อยู่ในรูปแบบของ It) flow แปลว่า ไหล/ลื่นไหล "Oxygen flows" คือ มีการปล่อยออกซิเจนไหลออกมานั่นเอง  

"Pull your mask down first, don’t worry oxygen flows." เลยแปลแบบเอาใจความได้ว่า "ให้ดึงหน้ากากออกซิเจนลงมาก่อน ไม่ต้องห่วง มีออกซิเจนอยู่แน่นอน" 

straps
>>> strap <<< เป็นคำนาม (noun) แปลว่า สายรัด และเติม s เพราะมีสายรัดอยู่ 2 ด้านซ้ายขวานั่นเอง strap ถ้าเป็นคำกริยา คือการรัดสาย(อะไรซักอย่าง) ยกตัวอย่าง >>> strap yourself in <<< ในที่นี้คือ รัดเข็มขัด(นิรภัย)ให้กับตัวเอง ความหมายเดียวกันกับ "Put your seat belt on / Put on your seat belt"

"Tighten the straps after placing on your mouth and your nose." เลยแปลได้ว่า "ดึงสาย(หน้ากากออกซิเจน)ให้แน่นหลังจากใส่คลุมบริเวณปากและจมูกแล้ว"

for instance
>>> for instance <<< แปลว่า ตัวอย่างเช่น เป็นคำเชื่อมประโยค (Conjunction) ที่เหมือนกับคำว่า "for example" นั่นเอง

assistance
>>> assistance <<< เป็นคำนาม (noun) แปลว่า ความช่วยเหลือ อย่าไปสับสนกับคำว่า >>> assistant <<< นะ เพราะแปลว่า ผู้ช่วย และเป็นคำนาม (noun) เหมือนกัน 

"If you’re traveling with someone, like a child for instance, put your mask on first before your offer assistance." เลยแปลแบบเอาใจความได้ว่า "หากท่านเดินทางกับเด็ก ให้ท่านใส่หน้ากากออกซิเจนให้ตัวเองก่อน แล้วถึงค่อยช่วยเด็ก(คือช่วยใส่หน้ากากให้เด็ก)" 

***ผู้อ่านท่านใดคิดว่าทำไมไม่ช่วยใส่หน้ากากให้เด็กก่อน แล้วค่อยใส่ให้ตัวเองก็ได้ เราเป็นผู้ใหญ่กว่าตัวใหญ่กว่าต้องช่วยคนตัวเล็กก่อนสิ อันนี้คือถ้าอยู่ในสถานการณ์อื่นๆคืออนุโมธนาสาธุ แต่ถ้าเป็นเหตุการณ์นี้ขอเรียนแบบนี้ว่า เราต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน ถึงจะไปช่วยคนอื่นได้ เพราะถ้าเราสลบไปก่อน เราก็ช่วยใครไม่ได้เลยไง ***

Welcome on board ตอนที่ 4 Breathe normally เลยเป็นตอนที่เกี่ยวกับเวลาที่ความดันอากาศในห้องโดยสารลดลง แล้วทุกคนต้องสวมใส่หน้ากากออกซิเจนที่จะหล่นลงมาตรงหน้าเรา แล้วให้เรา "breathe normally" คือ หายใจแบบปกติ นั่นเอง 

*** เผื่อมีคนสับสน >>> Breathe <<< กับ >>> Breath <<<
Breathe เป็นคำกริยา แปลว่า หายใจ
ฺBreath เป็นคำนาม แปลว่า ลมหายใจ 
แนะนำให้เข้าไปที่ลิงค์ของ 2 คำนี้ แล้วไปกดฟังวิธีออกเสียงของทั้ง 2 คำ จะชัดเจนกว่า

พบกันใหม่ตอนหน้ากับ Welcome on board ตอนที่ 5 Life jacket under your seat


Safety Demo by Virgin America

Video Credit : Virgin America 


...........................................................................................




Welcome on board : Introduction 

No comments: