Friday, June 26, 2020

Welcome on board : ตอนที่ 3 Turn it off

***โปรดทำความเข้าใจก่อนอ่าน***

1. "Welcome on board" จัดทำขึ้นมาโดยคำแนะนำของอาจารย์เกรียงไกร ทองชื่นจิต อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาต่างประเทศของโรงเรียนราชีนีบูรณะ จ.นครปฐม เพื่อเป็นสื่อการเรียนการสอนเพิ่มเติมด้านวิชาภาษาอังกฤษให้กับทางโรงเรียนราชีนีบูรณะ จ.นครปฐม และสำหรับบุคคลที่สนใจทั่วไป ห้ามมิให้ทำการดัดแปลง ตัดต่อ หรือเพิ่มเติมเนื้อหาโดยไม่ได้รับอนุญาต


2. Safety Demo ชุดนี้ จัดทำโดยสายการบิน Virgin America ผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำหรือตัดต่อใดๆทั้งสิ้น หากเพียงแต่นำมาเป็นข้อมูลใช้ในการเขียนเพื่อให้ความรู้ในเรื่องของการบินเท่านั้น


3. อุปกรณ์นิรภัยและทางออกในกรณีฉุกเฉินที่เห็นใน 
Safety Demo ชุดนี้ ใช้ได้เฉพาะเครื่องบินรุ่นที่สายการบิน Virgin America  ใช้บินเท่านั้น ผู้อ่านควรให้ความสนใจในการดู safety demo ทุกครั้งที่บินกับสายการบินอื่นๆ เนื่องจากแต่ละสายการบินนั้นใช้เครื่องบินต่างรุ่นกัน ทางออกฉุกเฉินรวมไปถึงอุปกรณ์นิรภัยต่างๆที่ใช้ในยามฉุกเฉินนั้นอาจไม่เหมือนกัน

4. ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าผู้อ่านจะได้เกร็ดความรู้ไม่มากก็น้อยทั้งในเรื่องของภาษาอังกฤษและความรู้ทั่วไปในเรื่องของการบิน ทั้งนี้ทั้งนั้น ขอให้ผู้อ่านทุกท่านที่ต้องเดินทางไป-กลับโดยเครื่องบิน มีความราบรื่นและปลอดภัยตลอดการเดินทาง "Safe flight always" ~


....................................................................................





ตารางบินเพิ่งจะออกเมื่อวาน สรุปว่าสายการบินพี่เริ่มกลับมาทำการบินอีกครั้งวันที่ 1 กรกฎาคม นี้และ อยู่บ้านกันชิวๆมา 3 เดือนเต็มๆ #ติดอกติดใจ กลับขึ้นไปบินอีกที จะเป็นอย่างไร แล้วค่อยมาเล่าสู่กันฟัง ตอนนี้เราต่อกันเลยดีกว่ากับ Welcome on board : ตอนที่ 3 Turn it off จะเริ่มตั้งแต่นาทีที่ 1.19 ไปจบที่นาทีที่ 1.37 เนื้อเพลง(Lyrics)ของตอนนี้ มีอยู่ว่า 

>>> Personal electronic devices should be turn off and properly stowed during taxi, take-off and landing. 

Laptops should be placed inside carry-ons or under the seat, not in seat back pockets or loose on the cushion next to you.

Nice try!
Your inflight team or the sign above will determine when electronics may or may not be used during flight. <<<
ขอเลือกออกมาขยายทั้งหมด 10 คำ ไปดูกันเลย

Personal electronic devices (PED)
Personal คือ ส่วนตัว >>> personal <<<
Electronic คือ เกี่ยวกับระบบอิเล็กทรอนิกส์/ไฟฟ้า
Device คือ อุปกรณ์ >>> device <<<

Personal electronic devices ในที่นี้ก็คือ โทรศัพท์มือถือ, Laptop, iPad, Taplet, เครื่องเล่นเกมส์ต่างๆ ที่พวกเราพกติดตัวขึ้นเครื่องไปด้วยทุกครั้งนั่นเอง


turn off
turn off เป็น Phrasal Verb (PHRV) ที่มีความหมายหลายแบบ ในที่นี้ turn off แปลว่า ปิด (ซึ่งคำว่า เปิด ก็คือ turn on นั่นเอง) >>> turn off <<<

Turn on the light. เปิดไฟ
Turn off the light. ปิดไฟ

***มันมี turn on อีกแบบที่ถ้าจะอธิบายนี่ต้องใส่ "Parental Advisory PG12+" (เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำ) แฮะ  #ขออนุญาตข้าม

ส่วนใหญ่แล้วจะใช้กับการปิด/เปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างหรือเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ได้เหมือนกัน จะมีอีกคำที่ใช้ว่าปิด/เปิด คือคำว่า >>> switch on / switch off << ถ้าเราเข้าไปอ่านตามลิงค์ที่พี่แปะให้ทั้งหมด จะเห็นได้ว่ามันแปลอย่างอื่นได้ด้วย ได้ในแบบที่ว่าไม่เกี่ยวอะไรเลยกับการปิดเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์

ถ้าให้ยกตัวอย่างที่เกี่ยวกับการบิน ลูกเรือบางวันคือขึ้นไปบินแล้วแบบ alert(ตื่นตัว) มาก ทุกการกระทำคำพูด การขยับตัวเป็นไปด้วยความคล่องแคล่ว ผู้โดยสารพูดสำเนียงไรมาฟังรู้เรื่องหมด ใครสั่งอะไรจำได้หมดไม่ต้องจด อะไรแบบนี้หัวหน้าลูกเรืออาจจะแซวและว่า "Wow, You switch on today." คือตื่นตัว มีสติ เพราะถ้าเวลาสมองเราเปิดก็เหมือนเวลาเราเปิดไฟ ทุกอย่างก็จะสว่างขึ้นมาหมดใช่มั๊ยหล่ะ นั่นแหละ "Switch on"

stowed
มันคือ V. 3 (Past Participle) ของคำว่า >>> stow <<< เป็นคำกริยาที่แปลว่า เก็บ/จัดเก็บให้เข้าที่เข้าทาง 

***ซึ่งถ้ามองดีๆมันก็คล้ายๆกับคำว่า >>> put <<< กับ >>> place <<< คือเอาไปวาง เอาไปไว้ เอาไปเก็บ อะไรแบบนี้ ความหมายใกล้เคียง คำว่า stow เลยเหมาะสุดกับทุก safety demo เพราะมันคือ การเก็บให้มันเข้าที่เข้าทาง ไม่ใช่การวางเฉยๆตรงไหนก็ได้ 

taxi 
ถ้าเป็นคำนาม(noun) ก็คือ รถแทกซี่ นี่แหละ แต่ถ้าเมื่อไหร่เอามาใช้เป็นคำกริยา(verb) จะแปลว่า เครื่องบินที่กำลังวิ่งอยู่บนรันเวย์ ในที่นี้คือ เครื่องบินกำลังวิ่งไปที่รันเวย์ที่จะใช้ทำการ take-off คือเครื่องขึ้นนั่นเอง เริ่มตั้งแต่การถอยเครื่องออกมาจากอาคารผู้โดยสารเลย ไปจนถึงการจอดรอข้างๆรันเวย์เพื่อรอไฟเขียวจาก ATC (Aircraft Traffic Control - หอบังคับการบิน)ให้ทำการ take off ได้นั่นเอง ช่วงที่เครื่องบินกำลังวิ่งแบบนี้อ่ะเค้าเรียกว่า "Taxiing" (แทก-ซี่-อิ่ง) และจะเป็นช่วงที่แอร์โฮสเตสจะต้องเดินเข้าไปสำรวจในห้องโดยสารแล้วว่าทุกคนรัดเข็มขัดเรียบร้อยแล้ว กระเป๋าเก็บหมดแล้ว คือการ "Secure the cabin" นั่นเอง 

>>> Personal electronic devices should be turn off and properly stowed during taxi, take-off and landing. <<< จึงแปลเอาใจความได้ว่า "กรุณาปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดและเก็บไว้ในที่เก็บสัมภาระให้เรียบร้อยก่อนเครื่องขึ้น - ลง"

carry-on
>>>carry-on <<< มันคือกระเป๋าที่เราใช้ขึ้นเครื่อง จะเป็นแบบ trolley ใบเล็ก 4 ล้อลากก็ได้ หรือเป็นแค่กระเป๋าถือผู้หญิงก็ได้ ในที่นี้คือกระเป๋าอะไรก็ได้ที่เราถือเอาขึ้นไปบนเครื่องด้วยนั่นเอง

seat back pockets 
เหลือบไปเห็นคำนี้ มันสะดุดตา เพราะว่าจริงๆแล้วมันคือ  "Seat pocket" นี่แหละ แต่คือ safety demo ชุดนี้เรียก seat back pocket แปลตรงตัว ช่องเก็บของที่อยู่หลังที่นั่ง มันทำให้คิดไปไกลว่า อ่าว มันอยู่หลังที่นั่ง แล้วมันของใคร เราต้องหันเอาของเราไปวางไว้ข้างหลังเก้าอี้ที่เรานั่งหรือไง #ฮาาาาาา งี้แหละพวกคิดเยอะ "Seat pocket" จริงๆคือจะอยู่ตรงหน้าที่เรานั่งเลย จะเป็นช่องที่จะมีพวก Safety Card(ของเครื่องบินรุ่นที่ท่านผู้โดยสารนั่งอยู่) , Duty Magazine, In-flight Magazine, Sick Bag(ใครเมาเครื่องบินขอเรียนเชิญหยิบใช้ได้ตามอัธยาศัย), etc.(และอื่นๆ) อันนี้แล้วแต่สายการบินว่าอยากใส่อะไรไว้ตรงนั้นให้ผู้โดยสาร

***ประเด็นที่พบได้บ่อยคือผู้โดยสารชอบวางโทรศัพท์มือถือ iPad กระเป๋าตังค์ พาสปอรต์ ไว้ในช่องนี้ พอเครื่องลงแล้วคือ "ลืมสนิท" วิ่งกลับมาเอากันแทบไม่ทัน ของยังอยู่ก็โล่งใจ ของหายก็แบบความดันขึ้นอีก นะ ใครชอบวางของตรงนี้ก็อย่าลืมเอากลับไปด้วยเน้อ

loose
เป็นอีกคำที่มีความหมายเยอะมาก >>>loose <<< ในที่นี้จะขอพูดถึงแค่ใน safety demo นี้นะ ของอะไรก็ตามที่มัน loose คือมันเป็นอิสระ ไม่มีอะไรมาจับ มายึด มาเกาะ เช่น เราวางกระเป๋าบนที่นั่งผู้โดยสารข้างๆช่วงเวลาเครื่องขึ้น - ลง แบบนี้คือ loose แล้วอะไรที่มัน loose มันก็จะไปกระทบกับเรื่องของ Safety(ความปลอดภัย) นั่นเอง 

cushion
>>> cushion <<< ในที่นี้แปลว่า เบาะ/เบาะที่นั่ง มันคือ "Passenger Seat" (ที่นั่งของผู้โดยสาร) นี่แหละ ใช้คำว่า cushion เอามาขยายให้ว่าไม่ใช้ที่นั่งธรรมดาแข็งโป๊ก แต่เป็นที่นั่งที่เป็นเบาะนุ่มๆ cushion แปลว่า หมอนอิงได้ด้วย คืออะไรก็ได้ที่นุ่มๆเอามารองนั่ง เอามาพิง เอามาอิง ใครมีเพื่อนsizeอบอุ่นนี่สามารถใช้เพื่อนเป็น cushion ได้เหมือนกัน #นุ่มนิ่ม

>>> Laptops should be placed inside carry-ons or under the seat, not in seat back pockets or loose on the cushion next to you. <<< จึงแปลเอาใจความได้ว่า "กรุณาเก็บคอมพิวเตอร์(แลปทอป)ไว้ในกระเป๋าหรือใต้ที่นั่งด้านหน้าของท่าน กรุณาอย่าวางไว้ในช่องเก็บเอกสารด้านหน้าที่นั่งของท่านหรือบนที่นั่งด้านข้างของท่าน"

Nice try!
อธิบายง่ายที่สุดคือการดูที่ safety demo ตัวนี้ ช่วงนาทีที่ 1.30 - 1.31 คือชัดเจน ผู้โดยสารกำลังหาที่เก็บแลปทอปของตัวเองก่อนที่แอร์โฮสเตสจะเดินมาตรวจดูความเรียบร้อยก่อนเครื่องขึ้น ไม่รู้จะวางตรงไหนดี วางไว้ข้างที่นั่งตัวเองแล้วกันเพราะไม่มีใครนั่งอยู่พอดี แบบนี้คือไม่ได้ 
>>> Nice Try <<< ในที่นี้แปลกันแบบแซวกันเล่นระหว่างแอร์โฮสเตสและผู้โดยสารว่า "อย่ามาเนียนค่ะ" นั่นคือคำแปลตรงๆของบริบทนี้ แต่ความหมายจริงๆมันคือ เค้าต้องการจะบอกว่า ผู้โดยสารพยายามได้ดีมาก ในการหาที่เก็บของ "พยายามดีมากค่ะ แต่คือก็ยังวางตรงนี้ไม่ได้อยู่ดีนะคะ" #ฮาาาาาาา 

***ตอบคนช่างสงสัย ว่าอ้าวถ้าแอร์โฮสเตสเดินตรวจเรียบร้อยแล้ว(ต้องตรวจจริงๆนะ ไม่ไช่เดินผ่านไปเฉยๆไม่พูดอะไร คือเห็นแล้วว่ามีแลปทอปวางอยู่แต่ไม่บอกผู้โดยสารให้เก็บให้เรียบร้อย แบบนี้คือไม่ใช่และ) เครื่องพร้อมขึ้นแล้ว แต่ผู้โดยสารคนนี้ดื้อ หยิบเอาแลปทอปออกมานั่งเล่นหล่ะ ทำอย่างไร!? ตอบว่าใครจะไปทำอะไรได้ เพราะมันเป็นเรื่องของความรับผิดชอบส่วนบุคคล ต้องรู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ ถ้าดื้อแพ่ง แล้วคือเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา มันจะเป็นความรับผิดชอบของผู้โดยสารเองคนเดียวเลย อีกอย่างคือเมื่อแอร์โฮสเตสตรวจห้องโดยสารเสร็จแล้วก็ต้องไปนั่งรัดเข็มขัดนิรภัยเหมือนกัน ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกเพียงเพื่อจะมาบอกเรื่องเก็บแลปทอป #โตๆกันแล้ว


determine
>>> determine <<< ในที่นี้คือ ตัวกำหนด ตัวตัดสิน ตัวชี้ขาด 
เป็นคำที่น่าสนใจ ถ้าใครคลิกเข้าไปอ่านแล้วจะรู้ว่ามีหลายตัวอย่างเลย "She's determined to become a flight attendant." เธอมีความมุ่งมั่นแน่วแน่ที่จะเป็นแอรฺโฮสเตสให้ได้ 

แต่ใน safety demo ตัวนี้เค้าใช้คำนี้เพื่อที่จะบอกว่าเมื่อไหร่ที่เราจะสามารถใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในไฟลท์ได้ โดยการดูจากป้ายสัญลักษณ์ที่ติดตั้งไว้บนเพดานในห้องโดยสาร ป้ายพวกนี้จะบอกหมด เมื่อไหร่ลุกไปเข้าห้องน้ำได้ เมื่อไหร่ห้ามลุกจากที่นั่ง เมื่อไหร่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ เป็นต้น

>>>Your inflight team or the sign above will determine when electronics may or may not be used during flight. <<< เลยแปลได้ตามที่อธิบายไว้แล้วข้างบนนี้เลย 

จบไปเรียบร้อยกับ Welcome on board : ตอนที่ 3 Turn it off หลักๆคือเน้นการปิดอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดก่อนเครื่องขึ้น - ลง รวมไปถึงการเก็บสัมภาระต่างๆให้เข้าที่เข้าทางก่อนเครื่องขึ้นนั่นเอง

แล้วมาเจอกันใหม่ตอนหน้ากับ Welcome on board : ตอนที่ 4 Breathe normally 

>>> Welcome on board : ตอนที่ 4 Breathe normally <<<

Safety Demo by Virgin America

Video Credit : Virgin America 


...........................................................................................



Welcome on board : Introduction 

No comments: