Wednesday, June 17, 2020

แนะแนวข้ามทวีป : so-called flight attendant ตอนที่ 10 What time is it?

*** Rules&regulations ในการอ่าน "so-called flight attendant" ***

1. เรื่องราวทั้งหมดที่เกิด เป็นประสบการณ์ตรงของผู้เขียนที่อยู่ในอาชีพแอร์โฮสเตสมาเป็นระยะเวลา 13 ปี ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาโจมตีหรือพาดพิงผู้ใดทั้งสิ้น หากแต่เป็นการเขียนเพื่อเป็นวิทยาทานให้รุ่นน้องที่อยากเป็นแอร์โฮสเตส และเพื่อเพื่อนๆผู้รักการอ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

2. เนื้อหาและเนื้อเรื่องบางส่วนในบางตอน ไม่สามารถนำไปใช้ได้กับสายการบินอื่นๆในเหตุการณ์เดียวกัน การนำเอาเรื่องราวของผู้เขียนไปเปรียบเทียบ หรือยึดถือเป็นหลักโดยรวมว่าด้วยเรื่องของชีวิตการเป็นแอร์โฮสเตส อาจทำให้ผู้อ่านมีความเข้าใจที่ผิดต่อการเป็นแอร์โฮสเตสในภาพรวมได้

3. กรุณาใช้วิจารณญาณขั้นสูงสุดในการอ่าน เนื่องจากเรื่องราวของผู้เขียนนั้น เกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตการทำงานและอยู่อาศัยในประเทศแถบตะวันออกกลางเท่านั้น การจัดการและการบริหารของสายการบินต่างๆในแถบนี้ รวมถึงสายการบินที่เบสในประเทศไทยนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพื่อนร่วมงาน ผู้โดยสาร เชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม การเลี้ยงดูในวัยเด็ก จิตสำนึก ความคิด ทำให้ความสามารถในการมองโลก การแก้ปัญหา การแยกแยะผิดชอบชั่วดี มีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ผู้อ่านจึงไม่ควรตัดสินชีวิตใคร แต่ควรพึงเข้าใจ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นไป ล้วนแล้วแต่เป็น "กรรม" ของแต่ละบุคคลเท่านั้น

................................................................

แนะแนวข้ามทวีป : so-called flight attendant ตอนที่ 10 What time is it?

ในที่สุดก็พาตัวเองกลับมาได้แล้ว หลังจากผ่านไป 5 ปีดีดัก ไม่นานเกินรอใช่มั๊ยท่านผู้อ่าน!? ดั่งคำพูดที่ว่า "มาช้ายังดีกว่าไม่มา" แต่ถ้าเอาไปใช้กับการเดินทางแล้วนะ รับรองว่า #ตกเครื่อง100% เพราะฉะนั้นวันนี้เราเลยจะมาสานต่อกับคอลัมน์ so-called flight attendant ตอนที่ 9 What time is it? ว่าด้วยเรื่องของเวลา ว่าเวลาเนี่ยมันจำเป็นและสำคัญอย่างไรกับชีวิตแอร์โฮสเตส

Reminder เตือนความจำกันก่อนอ่านเน้อ ขอความร่วมมือผู้อ่านทุกท่านอย่าลืมอ่าน Rules&regulations ในการอ่าน "so-called flight attendant" ที่โพสไว้ด้านบนนี้ก่อนนา จะได้อ่านแบบเปิดใจ ได้ความรู้และข้อคิดเล็กๆน้อยๆ มากกว่าการอ่านแล้วหงุดหงิด ไม่ได้ดั่งใจ และอื่นๆอีกมากมาย #อาเมน

What time is it? ตรงตัวเลย นี่มันกี่โมงและ!? งานปกติทั่วๆไปอาจจะไม่ต้องหัวหมุนกับเวลามากมาย ตื่นเช้าไปทำงาน พักเที่ยงกินข้าว เลิกงานกินข้าว ฟิตเนส กลับบ้าน นอน and repeat (ทำซ้ำ) Lifestyleก็แล้วแต่ใครใช้แบบไหน แต่ความพิเศษของคำว่าเวลาในชีวิตแอร์โฮสเตสเนี่ย มันเพิ่มในเรื่องของ  "World Time Zone" เข้ามาด้วย เพราะว่างานแอร์คืองานบินข้ามน้ำข้ามทะเลข้ามทวีป ไปดวงจันทร์ นอนดาวอังคาร แวะดาวพฤหัส แล้วถึงกลับมาโลกมนุษย์ อะไรแบบนี้ มันก็เลยต้องรู้เรื่องเวลาเป็นพิเศษ

เท้าความกันนิดหน่อยกับ Greenwich Mean Time (GMT) / Universal Time Coordinated (UTC) มันคือ Time Zone ของแต่ละประเทศทั่วโลก มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ GMT/UTC +/- 0 (Zero) รายละเอียดของเรื่องนี้ ขออนุญาติส่งต่อไปที่ลิงค์นี้นะ >>> UTC/GMT อธิบายหมดเปลือก ใครกดลิงค์ไม่ขึ้นให้พิมพ์ "เวลาสากลเชิงพิกัด" ลงไปที่ Google Search

ในที่นี้จะขอเรียกสั้นๆว่า UTC  คือตัวแปรสำคัญในโลกของการบิน อธิบายเป็นไทยง่ายๆเลยคือ ตอนนี้เมืองไทยเวลา 7 โมงเช้า ถามว่าที่ลอนดอนเวลาเท่าไหร่? ใครขี้เกียจคิดก็โลกสมัยนี้มี Google เป็นทุกสิ่ง อยากรู้อะไรถามเลย เช่นลิงค์ >>>  World Time  นี้เป็นต้น

แต่ประเด็นคือแอร์โฮสเตสจะมานั่งกด Google เพื่อถามเวลาของแต่ละประเทศนี่มันไม่ใช่และ มันต้องรู้เองโดยอัตโนมัติ เพราะเมื่อรู้เวลาที่แท้จริงแล้วมันจะทำให้การวางแผนในการทำงานและใช้ชีวิตง่ายขึ้น อาจจะไม่จำเป็นต้องรู้ Time Zone ไปซะทุกประเทศทั่วโลก แต่แค่รู้เวลาของประเทศต่างๆที่สายการบินเราทำการบินไปก็เพียงพอแล้ว ที่เหลือแบบอยากจะไปเที่ยวเองอะไรเองนั่นค่อยไป Google เอาข้อมูลอีกที

สมมุติว่าเราเป็นแอร์โฮสเตสประจำอยู่สายการบินในประเทศไทย เวลาประเทศไทยตาม UTC มันคือ +7 เวลา ณ ตอนนี้ที่ไทยคือ 7 โมงเช้า ที่ลอนดอนตาม UTC ณ ปัจจุบันนี้(เดือนมิถุนายน)*** คือ UTC +1 แปลได้ว่า ที่ลอนดอนจะเป็นเวลา ตี 1 แล้วถ้าที่ไทยเวลา บ่ายโมง ที่ลอนดอนจะเป็น 7 โมงเช้า แบบนี้เป็นต้น ใครมึนเลขเยอะๆ จำง่ายมาก อยากรู้เวลาลอนดอนตอนนี้ ให้เอา 6 ไปลบกับเวลาที่เมืองไทย ณ ตอนนี้ จบข่าว อีก 1 ตัวอย่าง ประเทศญี่ปุ่นตาม UTC คือ +9 อยากรู้ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นกี่โมง ให้ เอา 2 บวกเข้ากับเวลาที่เมืองไทย ณ ตอนนี้ จะได้เวลาที่แท้จริง อย่างที่บอก ถ้าปวดหัวกับตัวเลข กด Google เลย แต่ถ้าเป็นแอร์แล้ว ลืม Google ไปได้เลย อ่าว!?

***ต้องใส่ดาวเลย เพราะว่าสำหรับประเทศอังกฤษกับบางประเทศนั้น UTC มันจะเปลี่ยนขึ้นลงช่วงเปลี่ยนฤดู คือจะเริ่มเข้า UTC 0 ช่วงอาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคมของทุกปี และจะกลับมาเป็น UTC +1 กันอีกทีคืออาทิตย์สุดท้ายของเดือนมีนาคมของทุกปี ไม่ต้องกังวล เพราะเค้าจะมีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการว่าเค้าจะเปลี่ยนเวลาวันไหน***

และที่อยากจะเพิ่มเติมคือ เวลาทุกอย่างที่ถูกบันทึกลงในการบิน เริ่มตั้งแต่ตารางบินของลูกเรือและนักบินที่ออกมาเดือนละครั้ง(สามารถตั้งได้ ว่าอยากดูแบบเป็นUTC หรือ Local Time เวลาท้องถิ่นไปเลย) การบันทึกเวลาในเอกสารของเที่ยวบินนั้นๆโดยหัวหน้าลูกเรือและนักบินเอง ล้วนอิงเวลา GMT/UTC 0 หมดเลย ในที่นี้คือ นาฬิกาที่อยู่ตรงแผงควบคุมการบินในห้องนักบินอ่ะ ไม่เซทเวลาตามประเทศนั้นๆ แต่เป็นเวลามาตรฐาน GMT/UTC  0 อย่างถ้าเวลาที่ไทยตอนนี้ 07.00 โมงเช้า นักบินจะเห็นเวลาที่อยู่ตรงแผงควบคุมการบินในห้องนักบินเป็นเวลา 00.00 (เที่ยงคืน) นักบินก็ต้องรู้และว่าจริงๆตอนนี้คือ 7 โมงเช้านะ แต่ถ้าสมมุติอยู่ญี่ปุ่น ขึ้นเครื่องมาเตรียมตัวทำไฟลท์กลับ เวลาท้องถิ่นที่ญี่ปุ่นตอนนั้นคือ 18.00 นักบินจะเห็นเวลาที่อยู่ตรงแผงควบคุมการบินในห้องนักบินเป็นเวลา 09.00 แล้วนักบินก็จะรู้ด้วยว่าเวลาที่ไทยตอนนั้นคือ 16.00 เกทนะ

จบไปกับตรรกะเรื่องการคำนวนเวลาแบบ GMT/UTC มาดูกันว่าเรื่องของเวลาเนี่ยมีผลอะไรกับชีวิตแอร์อีก หลักๆเลย เหมือนเคยพูดไปแล้ว คือเกี่ยวกับกับ Time Management โดยตรง ไม่วางแผนอะไรเลยก็ได้นะ ตี 1 คือยังนั่งเฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อน แต่คือ ตี 5 รถจะมารับไปบินและ อันนี้บอกตรงๆว่า เป็นเรื่องของ "Individual Preference" (ความชอบ/ความถนัดส่วนบุคคล) และ ไปว่าเค้าไม่ได้ บางคนนอนแค่ 4 ชม. แต่คือตื่นไปบินได้ ขึ้นไปบินนี่อีกเรื่องนึงนะ สมรรถภาพไม่เท่ากับคนที่นอนมา 8 ชม. เต็ม อาบน้ำแปรงฟันกินข้าวเรียบร้อยก่อนไปบิน แรงเต็มที่ จิตตื่น ร่างกายตื่น สมองตื่น ยิ้มเก่ง คิดดี ไม่หงุดหงิด พร้อมทำงาน #ชัดเจน

มีเพื่อนลูกเรือรุ่นพี่หลายคน รวมถึงกัปตัน เคยให้คำแนะนำไว้ว่า เวลาเราไป layover/night stop ตามประเทศต่างๆอ่ะ ให้ยึดเวลาท้องถิ่นของที่นั่นเลย คือจะปรับนาฬิกาหรืออะไรก็แล้วแต่ สมัยนี้ไฮเทคอยู่แล้ว เปิดมือถือทีไหนปุ๊บคือเวลาเปลี่ยนเป็นเวลาท้องถิ่นของที่นั่นทันที ที่ควรยึดเวลาท้องถิ่นของที่ๆเราบินไปค้างคือเพื่อที่จะได้จัดการการนอนของตัวเอง ไปถึงแล้วนอนเลย หรือ กินก่อน หรือ ออกไปซื้อของก่อน กิจกรรมล้านแปด แต่จะทำอะไรก็ทำ สิ่งที่คนเป็นแอร์ทุกคนรู้คือ "wake up call" คือกี่โมง มันจะเป็นเวลาที่โรงแรมที่เราไปพัก เค้าจะโทรมาปลุก ซึ่งเวลาที่เค้าจะโทรมาปลุกคือไม่ได้แปลว่าเช้าตรู่นะ เวลาคนทำมาหากิน แต่ไปได้ทุกเวลาใน 1 วัน แล้วแต่ว่าเราทำไฟลท์เวลาไหนกลับ เท่านั้นเอง

สิ่งที่แอร์ทุกคนต้องเจอและต้องเป็น ไม่เกี่ยวว่าจะเพิ่งเริ่มบินหรือบินมานานแล้ว คือ การนอนให้หลับ มันเป็นปัญหาระดับโลกของลูกเรือหลายๆคนเลยนะ เหมือนจะเคยเขียนไว้แล้วเหมือนกันเรื่องนี้ ว่าถ้าพวกคนที่นอนได้ทุกที่ทุกเวลาอ่ะ มาเป็นแอร์คือสบายยยยย พวกคิดเยอะนอนไม่หลับนี่ ลำบากอยู่นิดหน่อย แต่อย่างที่บอกเรื่อง Time Management ไปจัดดีๆ ดูสไตล์การนอนของเรา จับทางให้ได้ แล้วเดี๋ยวจะดีเอง ถ้าไม่สามารถนอนได้ พี่ก็ขอต้อนรับน้องเข้าชมรมคนตาแข็ง เพราะของพี่นี่คือ ลากยาวววววว ยาวสุด 35 ชม. นอนทีเดียวตายไปเลย เคยนอนนานสุดแบบ Body shut down 22 ชม. ตื่นมาผอมเป็นนางแบบเลย #หิว

มาดูเวลากับงานบินในแง่ของการ interact (ปฏิสัมพันธ์/สื่อสาร) กับ ผู้โดยสาร งงมั๊ยมันเกี่ยวอะไรกัน!? เกี่ยวเต็มๆ เพราะผู้โดยสารเนี่ย เวลาขึ้นมาในเครื่องแล้ว จะมองลูกเรือเป็นเหมือน Google ดีๆนี่เอง ถามทุกเรื่อง!!! เจอแน่ๆคำถามนึง "Excuse me, what time is it in London now?" น้องๆ ตอนนี้ที่ลอนดอนกี่โมงแล้ว อ่ะตอบไป เดินผ่านไป 5 แถว เอาอีก "Excuse me, what time will we land in London?" น้องๆ เครื่องแลนด์ที่ลอนดอนกี่โมงอ่ะ และตามมาอีกเพียบยันเครื่องแลนด์เลย "Excuse me, how long is the flight?" ใช้เวลาบินนานเท่าไหร่ "I'm hungry. What time will you serve the meal?" พี่หิวแล้วเมื่อไหร่น้องจะเสริฟข้าวอ่ะ นะ ผู้โดยสารก็คือเจ้าหนูจำไมดีๆนี่เอง แต่ถ้ามองให้ดีๆ เค้าไม่รู้ถึงถามไง เราเนี่ยต้องรู้นะ ถ้าไม่รู้ก็ไม่ใช่แอร์โฮสเตส(ที่ดี)แล้ว เพราะฉะนั้นข้อมูลเรื่องเวลานั้นจึงสำคัญกับชีวิตการเป็นแอร์นะพี่บอกเลย ก่อนขึ้นบิน เราควรจะรู้ว่าเราไปโซนไหน ที่นั่นเวลาเท่าไหร่ เอาแค่ที่จะไปก็พอ เพราะคงไม่มีผู้โดยสารไฟลท์ลอนดอนคนไหนถามลูกเรือว่า "What time is it in Melbourne now?" 

มาถึงเรื่องของเวลาอีกแบบ มองในแบบผู้โดยสาร มาสายตกเครื่อง ซื้อตั๋วใหม่จบข่าว แต่ถ้าเป็นลูกเรือนี่ยาวววววววว เวลาที่สำคัญมากๆ คือ "Reporting Time for Duty" คือเป็นเวลาที่ลูกเรือจะต้องเข้าห้อง "Briefing" เพื่อไปนั่งประชุมกับลูกเรือคนอื่นๆในไฟลท์นั้น ว่าเรากำลังจะไปไหนกัน ผู้โดยสารกี่คน ใครทำตำแหน่งอะไร เป็นต้น กัปตันจะเข้ามาบอกข้อมูลเรื่อง ไฟลท์นี้บินกี่ชั่วโมง สภาพอากาศ และอาจจะมีการคุยกันถึงเรื่องว่าถ้ามีเหตุการณ์ไม่ปกติในไฟลท์ เราจะทำอะไร พวกนี้คือข้อมูลสำคัญทั้งหมดที่ถ้าลูกเรือมาไม่ทัน อาจจะถูก "Offload" คือถอดออกจากไฟลท์ (แล้วแต่กฏของแต่ละสายการบิน) แล้วเรียกลูกเรือคนอื่นไปบินแทน และคนที่ถูกถอดออกนี่ต้องเขียน Statement/Report ส่งเข้าออฟฟิศ ไม่จบนะ ออฟฟิศเรียกเข้ามา "Meeting" ถ้าเค้ามองแล้วว่าผิดจริง ก็เข้าเรื่องของ "Disciplinary Action" คือมีการทำโทษ แล้วแต่ว่าจะทำยังไง อาจจะให้ "Verbal Warning" ตักเตือนเฉยๆ หรือเป็น "Warning Letter" เป็นกระดาษมาเลยเก็บไว้ในแฟ้มประวัติเรา มีพวกนี้มากๆเข้า เมื่อถึงช่วง "Renew Contract" การต่อสัญญา ถ้าบริษัทขาดคน เค้าก็ไม่ทำไรเราหรอก จ้างต่อ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เค้าต้องเอาคนออก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม บอกให้เลยว่า ทีม Human Resource (HR) ฝ่ายบุคคลเนี่ยเชิญคนพวกนี้ออกก่อนเลย หรือพูดแบบถูกกฏหมายก็คือ "ไม่ต่อสัญญา" นั่นเอง (ไม่ใช่เฉพาะเรื่องเวลานะ มีเรื่องของ  job performance ในการทำงานด้วย อันนี้แล้วแต่บริษัทว่าจะพิจารณาไม่ต่อสัญญาในเรื่องใดบ้าง)  เรื่องเวลาเนี่ยนะ อย่าพูดไป มันสามารถเป็น น้ำผี้งหยดเดียว (A drop of honey) ได้เลยนะ

บางคนอ่านแล้วแบบโห โหดอ่ะ แค่เรื่องเวลาเอง!? อันนี้นานาจิตตัง เพราะว่าชีวิตด้านการงานกับชีวิตส่วนตัว  บางทีไม่ต้องเหมือนกันก็ได้ไง เคร่งครัดเรื่องงาน แต่ชีวิตส่วนตัวชิวสุดๆ บางคนตื่นบ่าย 3 นอน 6 โมงเช้า ประเด็นคือ การทำงาน เราทำกับบริษัทของคนอื่น ไม่ได้ทำธุรกิจส่วนตัวเราเอง ไปชิวเรื่องเวลานี่ไม่ได้เลย ถึงเริ่มเรื่องว่า "มาช้ายังดีกว่าไม่มา" แต่ถ้าเอาไปใช้กับการเดินทางแล้วนะ รับรองว่า #ตกเครื่อง100% เข้าใจแล้วนะทุกคน 

จบและ ฝากเรื่องเวลาไว้ในอ้อมใจผู้อ่านด้วยนะ เพราะเวลาของมนุษย์มันมีน้อย จะไปวันไปพรุ่งก็ไม่มีใครรู้ อยากทำไรก็ให้ทำเลย เพราะถ้าต้องไปจากโลกนี้จริงๆจะได้ไปแบบหมดห่วง ได้ทำในสิ่งที่อยากทำแล้ว ทำมายังไม่เสร็จก็ไม่เป็นไร ถือว่าได้เริ่ม ได้ทำ ดีกว่าเอาแต่คิด แล้วไม่เริ่มอะไรเลย มันเสียเวลา เอาใจช่วยทุกคนให้เริ่มทำในสิ่งที่อยากทำ ผู้เขียนก็จะทำด้วยเหมือนกัน คือกลับมาเขียนต่อนี่ไง #ฮาาาาาาาาาาาา

แล้วพบกันใหม่กับ แนะแนวข้ามทวีป : so-called flight attendant ตอนที่ 11 Say WHAT!? 

>>> แนะแนวข้ามทวีป : so-called flight attendant ตอนที่ 11 Say WHAT!? <<<



.......................................................................................................................


>>> แนะแนวข้ามทวีป : Introduction <<<
>>> แนะแนวข้ามทวีป : High School Love On <<<
>>> แนะแนวข้ามทวีป : Better Planet VS. Better Kids <<<
>>> แนะแนวข้ามทวีป : What's next? <<<



"so-called flight attendant" ตอนที่ 1 How? 
"so-called flight attendant" ตอนที่ 2 How come?

"so-called flight attendant" ตอนที่ 4 Hello Middle East 

"so-called flight attendant" ตอนที่ 5 Back to School 

"so-called flight attendant" ตอนที่ 6 I believe I can fly 

"so-called flight attendant"  ตอนที่ 9 It's all about the money.
https://skulligram.blogspot.com/2015/04/so-called-flight-attendant-9-its-all.html



No comments: