Thursday, June 18, 2020

Welcome on board : ตอนที่ 2 Put your seat belt on

***โปรดทำความเข้าใจก่อนอ่าน***

1. "Welcome on board" จัดทำขึ้นมาโดยคำแนะนำของอาจารย์เกรียงไกร ทองชื่นจิต อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาต่างประเทศของโรงเรียนราชีนีบูรณะ จ.นครปฐม เพื่อเป็นสื่อการเรียนการสอนเพิ่มเติมด้านวิชาภาษาอังกฤษให้กับทางโรงเรียนราชีนีบูรณะ จ.นครปฐม และสำหรับบุคคลที่สนใจทั่วไป ห้ามมิให้ทำการดัดแปลง ตัดต่อ หรือเพิ่มเติมเนื้อหาโดยไม่ได้รับอนุญาต


2. Safety Demo ชุดนี้ จัดทำโดยสายการบิน Virgin America ผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำหรือตัดต่อใดๆทั้งสิ้น หากเพียงแต่นำมาเป็นข้อมูลใช้ในการเขียนเพื่อให้ความรู้ในเรื่องของการบินเท่านั้น


3. อุปกรณ์นิรภัยและทางออกในกรณีฉุกเฉินที่เห็นใน 
Safety Demo ชุดนี้ ใช้ได้เฉพาะเครื่องบินรุ่นที่สายการบิน Virgin America  ใช้บินเท่านั้น ผู้อ่านควรให้ความสนใจในการดู safety demo ทุกครั้งที่บินกับสายการบินอื่นๆ เนื่องจากแต่ละสายการบินนั้นใช้เครื่องบินต่างรุ่นกัน ทางออกฉุกเฉินรวมไปถึงอุปกรณ์นิรภัยต่างๆที่ใช้ในยามฉุกเฉินนั้นอาจไม่เหมือนกัน

4. ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าผู้อ่านจะได้เกร็ดความรู้ไม่มากก็น้อยทั้งในเรื่องของภาษาอังกฤษและความรู้ทั่วไปในเรื่องของการบิน ทั้งนี้ทั้งนั้น ขอให้ผู้อ่านทุกท่านที่ต้องเดินทางไป-กลับโดยเครื่องบิน มีความราบรื่นและปลอดภัยตลอดการเดินทาง "Safe flight always" ~


....................................................................................

มาปั่นกันต่อกับคอลัมน์ Welcome on board : ตอนที่ 2 Put your seat belt on อัดเต็มที่ ชดเชย 5 ปีที่หายไป มาดูว่าใครจะเหนื่อยก่อน ผู้อ่านอ่านเหนื่อย หรือผู้เขียน collapse คาคอม 

เท้าความอีกเช่นเคย มันหายไปนานเลยต้องรื้อฟื้นความทรงจำกันหน่อย ใครกดมาครั้งแรกที่ตอนนี้เลยแนะนำให้ไปอ่านตอนที่ 1 ก่อน มันจะได้ต่อเนื่องและไม่งงนะเด็กน้อย 

>>> Welcome on board : ตอนที่ 1 Are you ready? <<<




Welcome on board : ตอนที่ 2 Put your seat belt on จะเริ่มตั้งแต่นาทีที่ 0.54 ไปจบที่นาทีที่ 1.19 เนื้อเพลง(Lyrics)ของตอนนี้ มีอยู่ว่า 

>>> For the 001 percent of you who have never operated a seat belt before. 

Really? !? I mean, it works like this

Insert the metal end into the buckle until it clicks and pull on the loose end to tighten making sure it fits low and tight across your lap. 

There you go. 

To open, lift on the top of the buckle. 

And remember, seat belts should be fastened whenever you’re seated just in case of unexpected turbulence or weather conditions.<<<

14 คำตัวหนาที่เลือกมาขยายสำหรับตอนที่ 2 นี้ และใน 14 คำนี้จะมีอยู่ 2 คำที่จะเอามาขยายพร้อมกัน เพราะมันคือเรื่องเดียวกัน คือคำว่า tight/tighten กับ unexpected turbulence/weather conditions พร้อมแล้วไปกันเลย

operated ตัวนี้อยู่ในรูปคำกริยาช่อง 3 Past Participle สังเกตุกันได้ง่ายว่ามี have อยู่ข้างหน้า ส่วน never นั่นมาทำให้เป็นรูปปฏิเสธเฉยๆ มาดูคำว่า "Operate" กัน คลิกได้เลย

 >>> Operate 

มีรูปแบบการใช้ที่เยอะมากจริงๆ แต่ที่เราจะเอามาพูดกันที่นี้คือการ operate a seat belt คือ วิธีการใช้เข็มขัดนิรภัย นั่นเอง operate ในที่นี้พูดเป็นภาษาอังกฤษง่ายๆได้ว่า "to use it" (วิธีการใช้)

***เวลาพวกเรามาบินแล้วจะเจอคำว่า operate นี่เยอะอยู่

- operate the flight/block เรียกกันแบบภาษาแอร์โฮสเตส(แล้วแต่สายการบิน) มันก้อคือการทำไฟลท์ ทำไฟลท์คือ ไปบินไฟลท์นี้หรือไปบินบล็อค (Block)นี้ เช่น operate Bangkok flight คือไปทำไฟลท์กรุงเทพ/บล็อคกรุงเทพ เป็นต้น

- operate emergency equipment / equipment on board คือการใช้อุปกรณ์นิรภัยในกรณีฉุกเฉินต่างๆ / อุปกรณ์บนเครื่องบิน เช่น operate Fire Extinguisher คือการใช้ถังดับเพลิง operate the oven การใช้ตู้อบอาหาร

"For the 001 percent of you who have never operated a seat belt before." เลยแปลว่า "สำหรับคนส่วนน้อย (001 percent คือ 0.01% คือจะบอกว่าคนส่วนน้อยมากๆ) ที่ไม่เคยใข้เข็มขัดนิรภัยมาก่อน"

operate ที่ไม่เกี่ยวกับการบินที่พอนึกออกก็มีอยู่ 2 คำนะ 
- operate (Verb) ผ่าตัด
- operation (Noun) การผ่าตัด

like this เอามาขยายด้วยเผื่อมีคนงง เพราะทุกคนรู้แน่นอนว่าคำว่า 'like' เนี่ย คำกริยามันแปลว่า 'ชอบ' ยังมีคำอธิบายอีกเยอะกับคำว่า 'like' แนะนำให้คลิกแล้วไปทำความเข้าใจเอา 

>>> Like

ในที่นี้ like this แปลว่า แบบนี้ / อย่างนี้ ถ้า like that คือ แบบนั้น / อย่างนั้น 
- เด็กน้อยกะลังพยายามจะรัดเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเองก่อนเครื่องขึ้น แต่คือรัดไม่เป็น กลับหัวกลับหาง คุณแม่อยากให้เด็กน้อยเรียนรู้ด้วยตัวเอง ไม่ทำให้ ก็เลยชี้ไปที่คุณพ่อที่รัดเข็มขัดเรียบร้อยแล้วบอกลูกว่า "Don't do it like this, do it like that." เด็กน้อยมองตามแล้วก็รัดเข็มขัดให้ตัวเองจนได้

"Really? !? I mean, it works like this." เลยแปลว่า "จริงเหรอ ฉันหมายถึงว่า มันทำ(ใส่)แบบนี้ (ในที่นี้คือต่อมาจากประโยคข้างหน้าว่า เข็มขัดนิรภัยเค้าใส่กันแบบนี้)"

Insert เป็นคำกริยา แปลว่า ใส่ / สอดใส่ / ใส่เข้าไป คำอธิบายเพิ่มตามนี้เลย

>>> Insert

บนเครื่องบินนี่มีคำว่า insert อยู่คำนึงนะ "Oven Insert" มันคือคล้ายๆถาดเป็นชั้นๆ ที่อยู่ในตู้อบอาหารบนเครื่อง เอาไว้อุ่นอาหารให้ผู้โดยสารรับประทาน แล้วแต่ว่าสายการบินจะจัดอาหารมาแบบไหน ถ้าแบบกระทัดรัดก็ถาดนึงวางกล่องอาหารให้อุ่นได้ 4 กล่อง ขึ้นอยู่กับว่าเครื่องบินใช้เตาอบรุ่นไหน เพราะรุ่นที่ใช้กันอยู่ของสายการบินพี่คือ เป็นตู้อบอาหารที่มีถาดอยู่ 8 ชั้น เพราะฉะนั้น ตู้อบ 1 ตู้อุ่นอาหารได้ 32 กล่อง 

metal end ในที่นี้คือฝั่งที่ไม่ใช่หัวเข็มขัดนิรภัย Metal คือบอกว่าทำจากโลหะ end คือจะบอกว่ามันเป็นส่วนปลายของสายรัดเข็มขัด metal end ก้อคือสายรัดเข็มขัดอีกฝั่งนึงที่จะเอามาติดกับหัวรัดเข็มขัดนั่นเอง

pull เป็นคำกริยา แปลว่า ดึง คำว่า pull นี่แนะนำอย่างมากว่าให้กดไปอ่าน เพราะเอาไปใช้กับตัวอื่นได้เยอะมาก 

>>> Pull 

*** เวลาเราจะเดินเข้า-ออกประตูร้านที่ไหน ถ้าลองสังเกตดีๆจะเห็นสติ๊กเกอร์ติดอยู่แถวที่เปิดประตู ถ้าไม่เห็นคำว่า "Pull - ดึง" ก็จะเห็นคำว่า "Push - ผลัก" ให้ดึงเพื่อเปิดประตู หรือผลักเพื่อเปิดประตูใช่มั๊ยหล่ะ เชื่อมั๊ยว่าหลายคนทำตรงข้ามกัน เค้าให้ดึง ก็ไปผลัก เค้าให้ผลัก ก็ไปดึง สรุปเปิดได้มั๊ยอ่ะประตูอ่ะ

*** นึกถึงคำที่น่าสนใจขึ้นมา "Push and Pull" คือ ยื้อกันไปมา คนนึงผลักคนนึงดึง ถ้าเอาไปใช้กับคนเป็นแฟนกันก็นั่นหน่ะ ภาษาไทยเค้าว่าอะไรนะ "ง้องแง้ง" ทะเลาะอะไรกันก็ไม่รู้อยู่ 2 คน เรียกว่าเป็น Push and Pull Game ได้เลย

loose end ในความหมายของ safety demo นี้ คือ สายเข็มขัดที่เป็นส่วนปลาย ในที่นี้คือเป็นเส้นเดียวกันกับหัวเข็มขัดนั่นเอง เค้าเรียกว่า loose end ส่วนความหมายของ loose ในแบบอื่นๆคลิกด้านล่างนี้ได้เลย

>>>Loose

***มันมี loose end ในแบบอื่นๆอีกเช่น
- งานที่ยังไม่เสร็จสิ้น ยังไม่ปะติดปะต่อ รอการจัดการ อะไรแบบนี้
- เชือกผูกรองเท้า (shoelace) ทั้ง 2 ข้าง คือถ้ายังไม่ผูกให้เรียบร้อยนะ เค้าเรียก loose end

>>>Loose end <<< สำหรับผู้สนใจอยากลงลึกกับคำนี้ก็คลิกกันไป

tighten/tight 
tighten เป็นคำกริยา แปลว่า ทำให้แน่น/ผูกให้แน่น >>> Tighten
tight เป็น คำคุณศัพท์ แปลว่า แน่น / รัดแน่น / ผูกแน่น >>> Tight

"Insert the metal end into the buckle until it clicks and pull on the loose end to tighten making sure it fits low and tight across your lap." เลยแปลว่า "ให้สอดสายรัดเข็มขัดที่อยู่อีกฝั่งนึงเข้าไปที่หัวรัดเข็มขัดจนมันลงล็อคกัน แล้วดึงสายรัดเข็มขัดให้แน่นให้อยู่ตรงช่วงหน้าตักของเราพอดี" 

There you go. >>> There you go.
- เป็นคำพูดที่ใช่พูดประมาณว่า ถูกแล้ว / ถูกต้อง / ใช่เลย / อย่างนั้นแหละ 
- ใช้พูดเวลายื่นของให้คนอื่นก็ได้ "อ่ะ นี่ของคุณ" เป็นต้น เหมือนกับคำว่า Here you go.

Lift >>> Lift
ในที่นี้เป็นคำกริยา แปลว่า ยกขึ้น

"To open, lift on the top of the buckle." เลยแปลได้ว่า "ยกฝาของหัวเข็มขัดขึ้น" ถ้าดูจากในคลิบวีดีโอสาธิตแล้วจะเห็นชัดเลย 

Fastened ตัวนี้มากับ should be(ควรจะ) เลยอยู่ในรูปของ Verb ช่อง 3 Past Participle

>>> fasten 

แปลว่า ติด, มัด, ผูก ส่วนใหญ่จะใช้กับการรัดเข็มขัดนิรภัยซะส่วนใหญ่ จะขับรถ ลงเรือ ขึ้นเครื่องบิน มันมีเข็มขัดนิรภัยให้รัดหมดอ่ะ ก็จะ fasten seat belt กันไป 

Just in case >>> Just in case
แปลว่า ในกรณีที่ หรือแปลอีกอย่างได้ว่า เผื่อไว้ก่อน ตามตัวอย่างที่เห็นใน Link เลย

unexpected turbulence or weather conditions 2 คำนี้คืออยู่ในเรื่องเดียวกัน

Unexpected turbulence คือ เวลาที่นั่งเครื่องอยู่ดีๆแล้วมันเหวี่ยงขึ้นลงเหมือนเล่นรถไฟเหาะตีลังกาอ่ะ มาแบบนั้นเลย "Unexpected - ไม่คาดคิด" คือมาไม่ขออนุญาตใคร
Weather conditions คือ สภาพอากาศที่แปรปรวน เดาไม่ได้ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก เดี๋ยวพายุเข้า แต่บนเครื่องบิน คำว่า weather conditions มันคือ unexpected turbulence ดีๆนี่เอง

"And remember, seat belts should be fastened whenever you’re seated just in case of unexpected turbulence or weather conditions." เลยแปลได้ว่า "อย่าลืมรัดเข็มขัดทุกครั้งเมื่อท่านนั่งอยู่กับที่ในกรณีที่เกิดสภาพอากาศแปรปรวน"

***Scope มันใหญ่มากคอลัมน์นี้ หน้ามืดเลยนั่งเขียนทั้งวัน ต้องขอบอกว่าอย่างนี้นะ ลิงค์ที่วางไว้ให้ออกไปศึกษาต่อกับคำศัพท์บางคำนี่คือแนะนำอย่างแรง เพราะคำๆนึงไม่ได้แปลตรงตัวแค่ความหมายเดียว ภาษาอังกฤษมันกว้างงงงงงงมาก แล้วถ้าพวกเราได้เข้าไปอ่านกันเอง มันได้ใจความกว่า และบางคนอาจจะจับอะไรได้มากกว่า 

Welcome on board : ตอนที่ 2 Put your seat belt on นี่นะ เรื่องรัดเข็มขัดนิรภัยล้วนๆ ความสำคัญคือเท่ากับชีวิต ใครจำข่าวได้บ้าง ถ้าไม่ปลายปีที่แล้วก็ต้นปีนี้ สายการบินหนึ่งคือกำลัง Take Off คือเครื่องขึ้นไปแล้ว ในที่นี้คือ ล้อเครื่องบินอ่ะขึ้นจากพื้นดินแล้ว แล้วก็น่าจะแป๊บเดียว คือตกลงมาแล้วไถลออกนอกรันเวย์ไปเลย เชื่อมั๊ย ไม่มีใครเป็นไรเลย เพราะทุกคนรัดเข็มขัดนิรภัยหมดเลย ง่ายๆแค่นั้นแหละ ชีวิตกับการรัดเข็มขัดนิรภัย น่าจะเคยเขียนไปแล้วว่าช่วงที่อันตรายที่สุดของการบินคือช่วงที่เครื่องบินทำการ Take Off / Landing นี่แหละ อยู่ในไฟลท์ถ้าสภาพอากาศแปรปรวน เขย่าไปมา ถ้าใครรัดเข็มขัดก็คือการนั่งรถไฟเหาะตีลังกาแบบปลอดภัย ใครไม่รัดเข็มขัดนิรภัยก็ขึ้นไปวัดเพดาน ลงมาวัดพื้น เป็นวิศวกรจำเป็นไปเลย เลือดตกยางออก อย่าลืมนะ ทุกครั้งที่ขึ้นเครื่องบิน >>>Please put your seat belt on<<<

เจอกันใหม่ตอนหน้า Welcome on board : ตอนที่ 3 Turn it off

>>> Welcome on board : ตอนที่ 3 Turn it off  <<< 


Safety Demo by Virgin America
Video Credit : Virgin America 

...........................................................................................


Welcome on board : Introduction 

No comments: